เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เมื่อหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของจีน คือเสียวหมี่ คอร์ป (Xiaomi Corp) ลดลงถึง 5.5% ในช่วงบ่าย การปรับลดครั้งนี้เป็นผลมาจากกรณีอุบัติเหตุบนทางด่วนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า SU7 ของบริษัทเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 คน นอกจากนี้ยังพบว่าระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงทำงานไม่สมบูรณ์ในเวลาที่เหมาะสม และกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
ในช่วงเย็นของวันที่ 29 มีนาคม บนถนนทางด่วนแห่งหนึ่งในภูมิภาคของประเทศจีน เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า SU7 ของเสียวหมี่ลุกโชนขึ้นหลังจากการชน โดยมีรายงานว่าผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมดสามคน อุบัติเหตุดังกล่าวได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างมาก และนำไปสู่การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที หลังจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ทำงานภายในเวลาประมาณ 20 นาทีก่อนเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างสมบูรณ์
สำหรับเสียวหมี่เอง แม้ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่เหตุการณ์นี้อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่บริษัทเพิ่งประกาศเป้าหมายยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2568 เป็น 350,000 คัน
ด้านโซเชียลมีเดีย ก็มีการแชร์ภาพและวิดีโอของรถที่เกิดเหตุ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น โครงสร้างเหล็กของตัวรถที่ยังคงเหลืออยู่ แม้ว่าส่วนอื่น ๆ จะถูกทำลายโดยเปลวไฟ
เสียวหมี่ออกแถลงการณ์ผ่านเว่ยป๋อ เพื่อยืนยันว่ากำลังดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
การเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าให้มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ที่ควรสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอาจเผชิญกับความเสี่ยงในระยะยาว
ในฐานะผู้สังเกตการณ์ เราสามารถมองเห็นว่าการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันในแง่ของการตลาด แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความไว้วางใจของผู้บริโภค การเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนให้บริษัทเทคโนโลยีและรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกต้องทบทวนและปรับปรุงระบบที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารอย่างโปร่งใสระหว่างบริษัทและสาธารณชน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกมาตรการถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต