สมาคมหอการค้าดีทรอยต์และมิชออโต (MichAuto) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และอะไหล่ในอัตรา 25% โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ การดำเนินการดังกล่าวอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและความเสียหายต่อซัพพลายเชน นอกจากนี้ยังส่งผลให้ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานในรัฐมิชิแกนที่มีรายได้ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมรถยนต์ อีกทั้งยังทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ในวันที่ 2 เมษายน ตามประกาศของทรัมป์ จะเป็น "วันแห่งการปลดปล่อย" โดยรัฐบาลสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อประเทศทั่วโลก เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านอุตสาหกรรมในรัฐมิชิแกนระบุว่า การเพิ่มภาษีจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในระบบซัพพลายเชน และส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลง รวมถึงกระทบต่อกำไรของบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่
รัฐมิชิแกนมีประชากรจำนวนมากที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยประมาณ 1 ใน 5 ของตำแหน่งงานในรัฐเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ หากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากการเพิ่มภาษี จะส่งผลร้ายแรงต่อคนงานในพื้นที่ นอกจากนี้ ราคารถใหม่ที่สูงขึ้นยังอาจกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกใช้รถเก่าแทน ส่งผลให้ราคารถมือสองเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในระดับฐานรากและชนชั้นกลางเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขาจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อรถยนต์ ขณะเดียวกัน กำไรของบริษัทรถยนต์แบรนด์ดังก็อาจลดลงเนื่องจากยอดขายที่หดหาย ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐฯ เจอความท้าทายครั้งสำคัญ
แม้ว่าการเรียกเก็บภาษีอาจมีเจตนารมณ์เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่ก็อาจนำมาซึ่งผลกระทบที่ไม่คาดคิด เช่น การชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนในการดำเนินชีวิตของประชาชน สถานการณ์นี้จึงเป็นจุดสนใจสำคัญสำหรับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการหาแนวทางบรรเทาผลกระทบ