โครงการสินเชื่อใหม่: บริการจำนำทะเบียนรถที่สะดวกและรวดเร็วจากไปรษณีย์ไทย

Mar 27, 2025 at 8:17 AM
Slide 2
Slide 1
Slide 2
Slide 1
ในยุคเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนกลายเป็นประเด็นสำคัญสำหรับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมมือกับ KTC เปิดตัวโครงการใหม่ที่ให้บริการจำนำทะเบียนรถยนต์ ซึ่งสามารถอนุมัติภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง โดยไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน

โอกาสทางการเงินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม!

พันธมิตรแห่งอนาคต: ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและ KTC

เมื่อเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความท้าทาย ในปี พ.ศ. 2568 สถาบันการเงินหลายแห่งต้องปรับนโยบายสินเชื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทยและ KTC ได้สร้างสรรค์แนวทางใหม่ในการขยายช่องทางการให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โดยมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ผ่านเครือข่ายสาขาของไปรษณีย์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเงินทุนฉุกเฉินหรือเพื่อลงทุนในธุรกิจ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการขยายตลาดหรือเพิ่มปริมาณสินค้า

โครงสร้างการให้บริการที่ครบวงจร

โครงการดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการสมัครสินเชื่อได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยแบ่งการให้บริการออกเป็น 2 รูปแบบหลัก รูปแบบแรกคือการลงทะเบียนข้อมูลเบื้องต้นที่สาขาไปรษณีย์ และจะมีเจ้าหน้าที่จาก KTC ติดต่อกลับเพื่อดำเนินการต่อ ส่วนรูปแบบที่สองเป็นบริการแบบเรียลไทม์ ซึ่งลูกค้าสามารถสมัครและได้รับการอนุมัติสินเชื่อทันทีภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถรับวงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท โดยไม่ต้องใช้ผู้ค้ำประกัน ซึ่งถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนที่ปลอดภัยและรวดเร็ว นอกจากประโยชน์ด้านการเงินแล้ว ระบบการให้บริการยังคำนึงถึงความโปร่งใสและการตรวจสอบที่เข้มงวด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เป้าหมายระยะยาวและความสำเร็จในเบื้องต้น

จากการประเมินของผู้บริหารระดับสูงของ KTC โครงการนี้มีเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่รวมกว่า 3,000 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2568 โดยในช่วงนำร่อง มีการกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อสาขาภายในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการทำงานร่วมกันระหว่างทั้งสององค์กร

ความสำเร็จในเบื้องต้นของโครงการนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการให้บริการเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเครือข่ายสาขาไปรษณีย์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งสามารถขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ได้ในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับประชาชนทั่วไป