จากข้อมูลที่รวบรวมมา พบว่าแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้มักเลือกพื้นที่ที่มีสภาพถนนแคบหรือเส้นทางที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น ถนนสายเชียงดาว-ไชยปราการ พวกเขาจะวางแผนล่วงหน้าเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เหมือนอุบัติเหตุจริง จากนั้นจะเรียกร้องค่าชดเชยโดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสติดต่อประกันภัย
การดำเนินการของพวกเขามักจะมีรูปแบบเดียวกัน เช่น การเบียดรถคู่กรณีจนเกิดการเฉี่ยวชนเล็กน้อย จากนั้นจะเรียกเงินสดทันที โดยอ้างว่าเป็นการยอมความกันเอง เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรมและลดระยะเวลาในการเคลียร์คดี
การกระทำของแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลที่อาจขาดการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งดังกล่าวมักจะรู้สึกกดดันและไม่มั่นใจในการปกป้องสิทธิของตนเอง เนื่องจากการต่อรองกับมิจฉาชีพอาจทำให้เกิดความสูญเสียทางการเงินและการเสียเวลาระหว่างการแจ้งความและดำเนินคดี
เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพ ควรตระหนักถึงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การขับรถเบียดหรือพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุ หากพบเจอสถานการณ์ดังกล่าว ให้หยุดรถในที่ปลอดภัยและบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ควรติดต่อประกันภัยหรือตำรวจทันที เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามกฎหมาย
การติดตั้งกล้องติดรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม เพราะภาพจากกล้องสามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ
การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภ.เชียงดาว ควรเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่จะช่วยลดโอกาสในการกระทำผิดของแก๊งมิจฉาชีพ และเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในระยะยาว