จับกุมผู้ต้องหาเหตุปาสิ่งของใส่รถบนถนนบางนา-ตราด
May 3, 2025 at 1:24 AM
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม พลตำรวจโทและคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชายวัยกลางคนซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุปาสิ่งของใส่รถยนต์จนสร้างความตกใจให้กับประชาชน โดยการจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากตำรวจสามารถติดตามและระบุตัวผู้ต้องหาในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้กรณีดังกล่าวถูกคลี่คลายอย่างเป็นทางการ
ตำรวจจับกุมสำเร็จพร้อมสอบปากคำผู้ต้องหา!
ปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหา
เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมนายชลัด แช่ตั้ง อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง โดยพบตัวเขาขณะนอนพักอยู่บริเวณแยกถนนรามคำแหงตัดกับถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงรามคำแหง เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ การจับกุมเกิดขึ้นอย่างราบรื่นโดยไม่มีการต่อสู้ เมื่อถูกควบคุมตัวมาที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา นายชลัดได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือจริงในระหว่างการสอบสวน พลตำรวจโท นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และคณะเจ้าหน้าที่ได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมและการกระทำของผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังพบว่านายชลัดเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีลักทรัพย์มาก่อนหลายครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาส่วนตัวและความไม่มั่นคงในการใช้ชีวิตของเขาสาเหตุของการกระทำและผลกระทบต่อสังคม
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายชลัดยอมรับว่าตนเองขาดสติเนื่องจากเมาเหล้าขาวจำนวนหนึ่งขวดลิโพ ก่อนจะลงมือปาสิ่งของใส่รถยนต์สองคันบนถนนบางนา-ตราด เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่อันตรายร้ายแรง เช่น การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้ที่อยู่ภายในรถนอกจากนี้ ตำรวจยังได้เชิญผู้เสียหายรายหนึ่งชื่ออรสินี อายุ 20 ปี มาชี้ตัวนายชลัดเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยอรสินีได้แสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเตือนว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นภัยต่อสาธารณะและควรหยุดยั้งอย่างเด็ดขาดมาตรการทางกฎหมายและการป้องกันในอนาคต
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหา "พยายามฆ่า" กับนายชลัด และเตรียมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดร้ายแรงที่อาจส่งผลให้ผู้ต้องหาต้องรับโทษทางกฎหมายอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังวางแผนปรับปรุงมาตรการป้องกันในพื้นที่เสี่ยง เพื่อลดโอกาสการเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันในอนาคตการใช้เทคโนโลยีและระบบตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการติดตามผู้กระทำความผิด นอกจากนี้ การสร้างความตระหนักแก่ประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนนยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จำเป็นต่อการลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนในสังคม