เปิดตัว Renault 4 E-Tech: รถเอสยูวีไฟฟ้าที่ผสานความคลาสสิกและความทันสมัยอย่างลงตัว
Oct 23, 2024 at 2:32 AM
เปิดตัว Renault 4 E-Tech: รถเอสยูวีไฟฟ้าที่ผสานความคลาสสิกและความทันสมัยอย่างลงตัว
ในงาน Paris Auto Show 2024 ที่ผ่านมา Renault ได้เปิดตัว Renault 4 E-Tech รถเอสยูวีขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% โดยรถรุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบที่ผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งในด้านการออกแบบภายนอกและภายใน รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบัน
ความคลาสสิกและความทันสมัยผสานกลมกลืนในรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก Renault
การออกแบบภายนอกที่ผสานความเก่าและใหม่
Renault 4 E-Tech ได้รับการออกแบบภายนอกที่ดึงเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นคลาสสิกอย่าง Renault 4 ในยุค 60 มาผสานกับความทันสมัยของรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่ ซึ่งสะท้อนได้จากการออกแบบกระจังหน้าแบบ One-piece Illuminated Grille ที่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นไฟ LED ให้ความรู้สึกทันสมัย ในขณะที่ไฟหน้าทรงกลมนั้นเป็นการอ้างอิงถึงรูปลักษณ์ของ Renault 4 ในอดีตด้านข้างของตัวรถจะมีแถบเส้นแนวนอน 3 เส้นที่บานประตู ซึ่งเป็นการดึงเอกลักษณ์ของแถบกันกระแทกของรถรุ่นดั้งเดิมมาใช้ ในขณะที่ล้ออัลลอยแบบทูโทนปัดเงาขนาด 18 นิ้วนั้นเพิ่มความทันสมัยให้กับตัวรถ ด้านหลังของ Renault 4 E-Tech ก็ยังคงความโดดเด่นของ Renault 4 ด้วยชุดไฟท้ายทรงแคปซูลภายนอกตัวรถยังได้รับการตกแต่งด้วยแถบชิ้นงานสีดำ ซึ่งสะท้อนลุคของรถสายลุย และมีให้เลือกทั้งแบบหลังคาปิดทึบและหลังคาผ้าใบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย
ภายในห้องโดยสารที่ผสานความคลาสสิกและความทันสมัย
ภายในห้องโดยสารของ Renault 4 E-Tech ได้รับการออกแบบที่ผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเช่นเดียวกับภายนอก โดยจะมากับหน้าจอคู่ดูอัลสกรีนขนาดใหญ่ ที่ประกอบไปด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาด 10.1 นิ้ว และหน้าจออินโฟนเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ควบคุมสั่งงานด้วยระบบปฏิบัติการ OpenR Link ที่พัฒนาร่วมกับ Google และรองรับผู้ช่วยเสมือน Reno ที่ใช้ AIในส่วนของคันเกียร์ได้รับการออกแบบให้มีรูปร่างเหมือนแท่งลิปสติก ซึ่งเป็นการเพิ่มความคลาสสิกให้กับห้องโดยสาร ขณะที่ตัวเบาะได้รับการหุ้มด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้มรีไซเคิล ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกางเกงยีนส์นอกจากนี้ Renault 4 E-Tech ยังได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 420 ลิตร รวมถึงช่องเก็บของด้านล่าง และประตูบานท้ายที่เปิดด้วยไฟฟ้า เพื่อความสะดวกในการขนถ่ายสัมภาระ