ผลกระทบจากนโยบายจากภาครัฐ

นายใหญ่โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย วิเคราะห์ว่าปรากฏว่าการกระตุ้นจากนโยบายจากภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ. ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2025, โตโยต้า พร้อมเดินเครื่องผลิตและทำตลาดรถกระบะพลังงานไฟฟ้า. นโยบายนี้จะส่งผลต่อทิศทางของตลาดในปีหน้าเช่นกัน.

ส่วนในเรื่องสงครามราคา, โตโยต้า ยืนยันว่าจะไม่กระโดดลง. จากการศึกษาในช่วงที่ผ่านมากไม่เห็นว่าการลดราคา 200,000 - 300,000 บาทจะช่วยให้ยอดขายกระเตื้อง. แม้ว่าการลดราคาถึง 200,000 บาทแล้วยังมีกำไรและมีความสามารถในการสร้างกำไรได้สูง.

ความคิดเห็นของแต่ละค่าย

ฟาก ฟอร์ด ประเทศไทย ท็อปทรีในตลาดรถกระบะและพีพีวี มองว่าตลาดในปีนี้จะปิดยอดรวมราว 567,000 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 26%. ค่ายสัญชาติอเมริกัน คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวตัวเลขได้ราว 21,000 คัน.

ส่วนค่ายวอลโว่ มองว่างานมอเตอร์ เอ็กซโป จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และผลักดันให้ยอดขายมีตัวเลขราว 5 แสนกว่าคัน. อีกปัจจัยสำคัญคือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ตลาดยังคงทำยอดขายประคองอยู่ในระดับนี้.

ผลกระทบจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ

ได้แสดงความคิดเห็นถึงมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่เตรียมกระตุ้นตลาดด้วย มาตรการรถเก่าแลกรถใหม่. แม้วเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว แต่ต้องรอความชัดเจนในเรื่องรายละเอียดสำหรับมาตรการเก่าแลกใหม่ รวมถึงการลดหย่อนภาษีและยืดหยุ่นการชำระหนี้.

ซูซูกิ วิเคราะห์ว่าภายรวมของตลาดในปีนี้จะมียอดขายราว 560,000 คัน. อย่างไรก็ดียังคงต้องพึ่งมาตรการจากภาครัฐที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน. รวมถึงแนวทางการทำตลาดของแต่ละค่ายที่ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน.