จากข้อมูลสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก ปี 2566, อุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะเกิดจาก 3 ปัจจัย คือ ผู้ขับขี่, ยานพาหนะ และสิ่งแวดล้อม. ร้อยละ 81.1 ของอุบัติเหตุเกิดจากความบกพร่องของผู้ขับขี่ เช่น ขับรถด้วยความประมาท, ขับตามหลังระยะกระชั้นชิด, ขับรถเร็ว หรือขับขณะที่ร่างกายหรือจิตใจหย่อนความสามารถ. สภาพการทำงานที่ไม่ดีบนรถโดยสาร เช่น หงุดหงิด, รำคาญ, เป็นผลสืบเนื่องจากสภาพการจราจร และพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อพฤติกรรมและสมรรถนะในการขับขี่.
ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุจำแนกตามลักษณะรถโดยสารสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก ปี 2566 พบว่า จำนวนรถโดยสารทุกประเภทประสบอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2565. สาเหตุหนึ่งคือ รถสาธารณะส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานนานและมีสภาพทรุดโทรม. นอกจากอายุรถ, ค่าต้นทุนการดำเนินงาน เช่น ค่าเชื้อเพลิง, ค่าใช้จ่ายบุคลากร ยังเป็นอุปสรรคในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพรถ. การดัดแปลงสาระสำคัญของรถที่ไม่ได้มาตรฐานเช่น การติดตั้งก๊าซธรรมชาติที่ไม่ได้มาตรฐานทางวิศวกรรม ยังเป็นปัญหา. เช่น, ในปี 2567, จำนวนรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทางติดตั้งก๊าซ CNG สะสมทั้งหมด 13,426 คันทั่วประเทศ แต仅有ร้อยละ 9.9 ที่ได้รับการตรวจสภาพ และเกือบครึ่งไม่ผ่านมาตรฐาน.
ตัวอย่างความสูญเสียจากอุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะ คือ เหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้า เมื่อ 1 ตุลาคม 2567. หนึ่งในสาเหตุคือ ‘การติดตั้งถังแก๊สเกินมาตรฐาน’. รถโดยสารไม่ประจำทางคันที่เกิดเหตุ ติดตั้งถังแก๊สไปถึง 11 ถัง โดยแต่ละถังมีน้ำหนักราว 175 กิโลกรัม. จากการตรวจสอบและพิสูจน์หลักฐานรถคันดังกล่าว, ในจำนวน 11 ถัง, มีการจดทะเบียนถูกต้องเพียง 6 ถัง และอีก 5 ถังไม่ได้อยู่ในรายการจดแจ้งกับเจ้าหน้าที่. การติดตั้งบางตำแหน่งยังอยู่ใกล้กับห้องผู้โดยสารและคนขับรถ ซึ่งไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่ไม่รู้จะนำพาความสูญเสียมาเมื่อไร.ในปัจจุบัน, การลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะไม่ใช่一件容易的事情. เราต้องพึ่งพากฎหมายที่เข้มแข็งและพึ่งพาจิตสำนึกของผู้บริการ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความสูญเสียนี้จากเกิดอีกครั้ง.