กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ปรับลดผลิตรถยนต์ในปี 2567 จาก 1,700,000 คันลงมาเป็น 1,500,000 คัน ซึ่งมีจำนวนลดลง 200,000 คัน ซึ่งมีผลกระทบต่อยอดขายและการส่งออกรถยนต์อย่างมาก

ผลกระทบจากการปรับลดผลิต

ผลกระทบต่อยอดผลิตและการส่งออกในประเทศ

ในเดือนตุลาคม 2567 ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดเป็น 118,842 คัน ซึ่งลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ที่ 25.13% และจากเดือนกันยายน 2567 ที่ 2.81% เนื่องจากผลิตเพื่อส่งออกลดลง 7% และผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 51.7% 10 เดือน (มกราคม – ตุลาคม 2567) มียอดผลิตทั้งสิ้น 1,246,868 คัน ซึ่งลดลง 19.28% ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 87,741 คัน เท่ากับ 73.83% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 7% ในขณะที่ 10 เดือน ผลิตเพื่อส่งออกได้ 861,916 คัน เท่ากับ 69.13% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 4.69% ส่วนที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศได้ 31,101 คัน เท่ากับ 26.17% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 51.7%

ผลกระทบต่อยอดขายในประเทศ

เดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเป็น 37,691 คัน ซึ่งลดลงจากเดือนกันยายน 2567 ที่ 36.08% และเป็นต่ำสุดในรอบ 54 เดือน นับจากยกเลิกล๊อคดาวน์จากการระบาดโรคหวัด 19 เดือนพฤษภาคม 2563 จำนวนบัญชีผู้กู้ซื้อรถยนต์ในไตรมาส 3 มี 6,365,571 บัญชีลดลงจากไตรมาสสอง 75,377 บัญชีเท่ากับ 1.2% และลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 199,655 บัญชีหรือ 3%

ผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV

เดือนตุลาคม 2567 จดทะเบียนใหม่มีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า BEV เป็น 6,651 คัน ซึ่งลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้ว 32.19%

ผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์

เดือนตุลาคม 2567 การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ 84,334 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 5.08% แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ที่ 20.23% ส่งออกลดลงเพราะฐานสูงในเดือนเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกถึง 105,726 คัน ส่งผลให้ส่งออกลดลงทุกตลาด ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและยุโรปที่สงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวน้อยลงอีกความขัดแย้งที่ต้องติดตามแบบไม่กระพริบตาที่จะกระทบเศรษฐกิจโลกคือสงครามยูเครนกับรัสเซียที่อาจขยายไปประเทศอื่นซึ่งกระทบการส่งออกรถยนต์และสินค้าอื่นๆ โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์อยูที่ 55,728.19 ล้านบาท ลดลง 23.11%