รัฐเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะเพื่อเสริมแกร่ง SMEs

Mar 24, 2025 at 9:25 AM
Slide 5
Slide 1
Slide 2
Slide 3
Slide 4
Slide 5
Slide 1

รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกาศมาตรการใหม่ที่เน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยหรือกลุ่ม SMEs ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับซื้อรถกระบะเพื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์ โดยมาตรการดังกล่าวเรียกว่า “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ซึ่งจะดำเนินการภายใต้การสนับสนุนของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่การลดภาระทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ และเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ มาตรการยังคาดหวังว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงฟื้นฟูอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เคยเผชิญภาวะซบเซา

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยมาตรการใหม่ที่เน้นไปที่การส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยเฉพาะกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพ มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการประเมินสถานการณ์ตลาดรถยนต์ภายในประเทศพบว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การผลิตและการจำหน่ายรถกระบะในประเทศปรับลดลงตามลำดับ

อุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทย โดยมีบทบาทสำคัญต่อ GDP มากถึง 18% ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตันที่ใหญ่ที่สุดในโลก การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทจากฐานการผลิตในประเทศในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 1.477 ล้านคัน โดยรถกระบะขนาด 1 ตันคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของยอดผลิตทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในตลาดที่เห็นได้ชัดเจนคือการลดลงของการขายในประเทศ และการเพิ่มขึ้นของการส่งออกในปีที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 69% ในขณะที่การขายในประเทศลดลงเหลือเพียง 31% มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” จึงถูกออกแบบขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ประสบปัญหา

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร ในฐานะกรรมการและผู้จัดการทั่วไปของ บสย. ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดของมาตรการที่ช่วยปลดล็อกข้อจำกัดทางการเงินสำหรับกลุ่ม SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย โดย บสย. จะทำหน้าที่ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือในการทำงาน เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารเคลื่อนที่หรือฟู้ดทรัค

มาตรการนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่ผู้ขอสินเชื่อด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในช่วง 3 ปีแรก โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมดังกล่าวเอง สำหรับปีที่ 4-7 จะมีค่าธรรมเนียมค้ำประกันเพียง 1.5% ต่อปี ระยะเวลาการค้ำประกันสูงสุดอยู่ที่ 7 ปีหรือ 84 งวด โดยวงเงินค้ำประกันสูงสุดต่อรายอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ภายใต้วงเงินค้ำประกันระยะแรกจำนวน 5,000 ล้านบาท

มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากกว่า 6,250 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบกว่า 5,000 ล้านบาท และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท อีกทั้งยังสนับสนุนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศมากกว่า 2,500 บริษัท

นอกจากนี้ มาตรการยังครอบคลุมถึงกลไกช่วยเหลือลูกหนี้ในกรณีที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ โดยสามารถเข้าร่วมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้โครงการ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม โดยอาจมีการลดดอกเบี้ย ตัดเงินต้น หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้สูงสุดถึง 7 ปี

มาตรการนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาว