เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2568 เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้กับสังคม เมื่อครูสาวคนหนึ่งจากระยะไกลในจังหวัดสงขลาได้ขอความช่วยเหลือจากนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือที่รู้จักกันในนาม "กัน จอมพลัง" เธอถูกภรรยาของอดีตผู้อำนวยการสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่งในภาคใต้ไล่ล่าด้วยรถยนต์ และทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง เพราะคิดว่าเธอแอบมีความสัมพันธ์กับสามีของตนเอง แต่ครูสาวยืนยันว่าเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด โดยระบุว่าฝ่ายชายเคยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับครูคนอื่นมาก่อน

รายละเอียดของเหตุการณ์

ในวันที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. ครูสาวจากจังหวัดสงขลาได้เดินทางมาพร้อมกับทีมงานของกัน จอมพลัง เพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากการเผชิญหน้าที่รุนแรง เมื่อวันก่อน ภรรยาของอดีตผู้อำนวยการสถาบันอาชีวะได้ทำการไล่ล่าครูสาวด้วยรถยนต์จนกระทั่งเธอต้องจอดรถเพื่อเคลียร์เรื่องราวกัน แต่แทนที่จะฟังคำอธิบาย ภรรยาของอดีตผู้อำนวยการกลับใช้อาวุธอย่างที่ปัดน้ำฝนทุบกระจกรถของครูสาวจนแตก นอกจากนี้เธอยังกระชากผมของครูสาวจนผมหลุดติดมือและพูดจาหยาบคาย

ครูสาวยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับอดีตผู้อำนวยการ แต่เป็นเพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขากับครูคนอื่นที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2566 เธอก็เคยถูกภรรยาของอดีตผู้อำนวยการตบหน้าที่โรงเรียนมาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวและถูกข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิต

ขณะเดียวกัน กัน จอมพลัง ได้แสดงเจตนารมณ์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางแก้ไข โดยเขาได้สอบถามไปยังกระทรวงศึกษาธิการ พบว่าอดีตผู้อำนวยการได้ลาออกอย่างรวดเร็วหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

บทเรียนและความคิดเห็น

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากความเข้าใจผิดและการขาดการสื่อสารที่ชัดเจน การที่ภรรยาของอดีตผู้อำนวยการเลือกใช้วิธีการที่รุนแรงในการตอบสนองต่อสถานการณ์อาจมาจากความโกรธแค้นและการขาดความระมัดระวังในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนครูสาวเองก็ต้องเผชิญกับผลกระทบทางจิตใจและความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต

สำหรับเราในฐานะผู้สังเกตการณ์ เราควรตระหนักถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ดีและการหาข้อเท็จจริงก่อนที่จะลงมือทำอะไรที่อาจส่งผลเสียหายต่อผู้อื่น อีกทั้งเรื่องนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความจำเป็นในการควบคุมอารมณ์และการปฏิบัติตามกฎหมายแทนที่จะใช้ความรุนแรง