ยอดขายรถยนต์ไทยยังคงซบเซา แต่อุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์กำลังฟื้นตัว

Nov 15, 2024 at 8:34 AM
ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในปี 2568 คาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำที่ 5.5 แสนคัน และยังไม่สามารถกลับสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ภายในปี 2571 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการค้าชายแดน

ยอดขายรถยนต์ในประเทศยังคงซบเซา

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในปี 2568 คาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำที่ 5.5 แสนคัน และยังไม่สามารถกลับสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ภายในปี 2571 ปัจจัยที่กดดันตลาดรถยนต์ในประเทศ ได้แก่ การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของสถาบันการเงิน กำลังซื้อในภาพรวมที่ค่อนข้างเปราะบาง พฤติกรรมการใช้รถของคนไทยที่ยาวนานขึ้น และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อรถออกไป นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัญหา Vicious cycle ในตลาดยานยนต์ไทย อันเกิดจากการที่สถาบันการเงินมีแนวโน้มตรึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ เนื่องจากมีความกังวลต่อทิศทางราคารถยนต์มือสองที่คาดว่าจะปรับลดลงอีก

อุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์กำลังฟื้นตัว

ในขณะที่ตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงซบเซา อุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์กลับมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการค้าชายแดน ตลาดรถบรรทุกได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมขนส่งตามแนวชายแดนและการค้าผ่านแดนที่เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดรถโดยสารได้รับอานิสงส์จากภาคท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก และช่วยบรรเทาปัญหา Overcapacity ในกลุ่มรถบัสนำเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในระยะปานกลาง จำเป็นต้องจับตาทิศทางการนำเข้ายานยนต์เชิงพาณิชย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะจากกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ซึ่งแม้จะตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม แต่ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศให้สูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน

ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงซบเซา

ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศปี 2568 มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง ขณะที่ในระยะปานกลางจะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอุปสงค์ยังคงเผชิญแรงกดดันจากกำลังซื้อกลุ่มฐานรากที่เปราะบาง ทั้งจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รายได้ภาคเกษตรผันผวน รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี ต้องติดตามความคืบหน้าของมาตรการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังซื้อและหนุนให้ความต้องการซื้อรถจักรยานยนต์จากกลุ่มแรงงานนอกภาคเกษตรฟื้นตัวได้เข้มแข็งมากขึ้น ทั้งนี้สำหรับภาคการส่งออกรถจักรยานยนต์ในปี 2568 คาดว่าจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ เพราะอุปสงค์จากคู่ค้าสำคัญทยอยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในญี่ปุ่น ยุโรป และจีน

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโต

ตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้า (Hybrid และ BEV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2568 ยอดขายรถกลุ่มนี้จะอยู่ที่ราว 2.1 แสนคัน หรือคิดเป็น 30% ของยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งหมด โดยตลาดรถไฮบริดนับเป็นแรงส่งสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคมีการเปิดรับรถกลุ่มนี้มากขึ้น ทั้งในรถระดับกลางและรถหรู ขณะที่ยอดขายรถ BEV มีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และคาดว่าส่วนแบ่งตลาดในระยะปานกลางจะทรงตัวอยู่ที่ 10% ของยอดขายรถยนต์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยฉุดรั้งการเปิดรับรถ BEV จากฝั่งผู้บริโภคเกิดจากความกังวลใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ ความไม่เพียงพอของสถานีชาร์จสาธารณะ ปัญหาอุปทานอะไหล่ยนต์ในประเทศและตัวเลือกอู่ซ่อมบำรุงรายย่อยที่จำกัด ผลพวงจากสงครามราคารถ BEV ที่ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทยอยปรับลดลง และต้นทุนการถือครองบางส่วนที่ยังอยู่ในระดับสูง

อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

หากพิจารณาพัฒนาการห่วงโซ่อุปทาน EV ในประเทศไทย จะพบว่า กำลังการผลิตรถยนต์ BEV ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยภายในปี 2568 – 2571 จะขยายตัวสู่ระดับ 6 แสนคัน/ปี นอกจากนี้ การลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ก็เติบโตสอดรับกับการผลิตรถยนต์เช่นกัน โดยเฉพาะการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สถานีอัดประจุ/สลับแบตเตอรี่ และธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ EV ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการชาวไทย