ทนายดังยึดรถลูกความไปใช้ไม่คืนไฟแนนซ์ ถูกตามยึดทรัพย์

วงการว่าความเมืองไทยกำลังร้อนระอุ หลังทนายความแต่ละสำนักออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีคดีดังอย่าง ดิไอคอนกรุ๊ป กันไม่ขาดสาย ล่าสุดก็ทำเอาชาวไทยไม่ได้หลับได้นอน ต้องแปลงร่างเป็นนักสืบกันอีกครั้ง หลังทนายความดังคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่ายึดรถลูกความไปใช้เอง ไม่คืนให้ไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล จนถูกตามยึดทรัพย์อื่นของลูกความ

ทนายดังถูกกล่าวหาว่ายึดรถลูกความไปใช้เอง ไม่คืนให้ไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล

ทนายความดังถูกกล่าวหาว่ายึดรถลูกความไปใช้เอง

ตามรายงานข่าว หนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการดัง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "ทนวยตัวหนึ่ง นำรถยึดของลูกความไปเก็บไว้ใช้เอง ไม่คืนไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล จนไฟแนนซ์ตามยึดทรัพย์อื่น ของลูกความ ใจเอ็งมันโฉดดีหว่ะ" ซึ่งเป็นการกล่าวหาทนายความดังคนหนึ่งว่ายึดรถลูกความไปใช้เอง โดยไม่คืนให้ไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล จนทำให้ไฟแนนซ์ต้องตามยึดทรัพย์อื่นของลูกความ

ทนายความดังถูกตามยึดทรัพย์

จากกรณีดังกล่าว ทำให้เพจดังอย่าง "อีซ้อ" ได้ไปคอมเมนต์ว่า "เฉลยค่ะ ทนายควัย ตัวนี้จะง่าวตลอด ชอบเชื่อม !! ทนายบอกว่า คืนให้พรุ่งนี้เที่ยงๆ" ซึ่งเป็นการเสียดสีทนายความดังคนนี้ว่าเป็นคนที่ชอบเชื่อมและไม่น่าเชื่อถือ จนถูกตามยึดทรัพย์อื่นของลูกความนอกจากนี้ ทนายเดชา ทนายคลายทุกข์ ก็ได้คอมเมนต์ว่า "สมมุติว่าเป็นเรื่องจริงคนแบบนี้เขาเรียกว่าโจรไม่เรียกทนวยสมควรติดคุก" ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นว่าหากเป็นเรื่องจริง ทนายความดังคนนี้ควรถูกจับกุมฐานโจรกรรม ไม่ใช่ทนายความจะเห็นได้ว่า กรณีนี้ทำให้ชาวไทยเกิดความสงสัยและไม่เชื่อถือในวงการทนายความ เนื่องจากมีทนายความดังคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่ายึดรถลูกความไปใช้เอง ไม่คืนให้ไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล จนถูกตามยึดทรัพย์อื่นของลูกความ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของวงการทนายความโดยรวม

ทนายความดังถูกกล่าวหาว่าไม่คืนรถให้ไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล

จากกรณีดังกล่าว ยังพบว่า ทนายความดังคนนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่คืนรถให้ไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และอาจส่งผลให้ลูกความได้รับความเสียหาย เนื่องจากรถที่ถูกยึดไปนั้นอาจเป็นทรัพย์สินที่สำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันในกรณีนี้ ทนายความดังคนนี้ควรให้ความร่วมมือกับไฟแนนซ์ในการคืนรถตามคำสั่งศาล เพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ของทนายความ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและลูกความในภาพรวม กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายและจรรยาบรรณของทนายความ เพื่อรักษาภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของวงการทนายความ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อการดำเนินคดีและการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน