ข่าวฟอร์ด: ปรับลดพนักงานในยุโรป 14%

Nov 21, 2024 at 3:10 AM
ฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อวันพุธ (20 พ.ย.) ว่า จะปรับลดพนักงานในยุโรป 14%. บริษัทมีเหตุผลว่าบริษัทประสบภาวะขาดทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ซบเซา และการขาดการสนับสนุนจากภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านสู่ EV. นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการแข่งขันจากคู่แข่งจีนที่ได้รับเงินอุดหนุน.

ผลกระทบจากการปรับลดพนักงาน

การปลดพนักงาน 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็นราว 2.3% ของพนักงานทั้งหมด 174,000 คน จะเกิดขึ้นในเยอรมนีและอังกฤษเป็นหลัก. ฟอร์ดเป็นค่ายรถยนต์ล่าสุดที่ประกาศลดต้นทุน ต่อจากนิสสัน (Nissan), สเตลแลนทิส (Stellantis) และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM). อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญความท้าทาย รวมถึงปัญหาราคารถยนต์ไฟฟ้าที่แพงเกินกำลังซื้อของผู้บริโภค.

ฟอร์ดระบุว่า การปลดพนักงานจะทยอยเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2570 โดยขึ้นอยู่กับการเจรจากับสหภาพแรงงาน. บริษัทจะปลดพนักงานทั้งหมด 2,900 รายในเยอรมนี และ 800 รายในอังกฤษ. พร้อมทั้งจะลดกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเอกซ์พลอเรอร์ (Explorer) และคาปรี (Capri) ที่โรงงานในเมืองโคโลญจน์.

ความคิดเห็นจากปีเตอร์ ก็อดเซลล์

ปีเตอร์ ก็อดเซลล์ รองประธานฟอร์ดประจำยุโรป แถลงต่อสื่อมวลชนว่า “ฟอร์ดกำลังประสบปัญหาความต้องการรถ EV ที่ซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้ และเรายังคงเผชิญความท้าทายเกี่ยวกับต้นทุนการดำเนินงาน’”. นี่เป็นปัญหาที่ฟอร์ดต้องเผชิญอย่างหนักและการปรับลดพนักงานเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหานี้.

หลังจากมีข่าวมาตรการดังกล่าว ฟอร์ดหุ้นปรับตัวลดลง 1.8%. นอกจากฟอร์ด ยังมีโฟล์กสวาเกน (Volkswagen) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี ขู่ว่าจะปิดโรงงาน, ลดค่าจ้าง และปลดพนักงานหลายพันตำแหน่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน. นั่นแสดงให้เห็นว่าปัญหาในอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่เพียงแค่ฟอร์ด แต่เป็นปัญหาทั่วไปในยุโรป.