เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะต้องโบกมือลาปี 2024 และก้าวสู่ปีใหม่ 2025 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญมาก. ในโลกการทำงาน-วัฒนธรรมองค์กรมีเทรนด์ใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา คือ “Wellness hour” หรือชั่วโมงแห่งสุขภาพ ซึ่งจะแทนที่ “Happy hour” แบบเดิม.
การดูแลสุขภาพในที่ทำงานและปี 2025
แนวโน้มของ “Wellness hour”
วันอังคาร เวลา 18.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนทั่วโลกนิยมทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพมากที่สุด. นักงานที่เน้นดูแลสุขภาพด้วยแนวทางผสมผสาน (ทั้งออกกำลังกายที่ยิมและใช้แอปฯ ออนไลน์เพื่อดูแลสุขภาพควบคู่กัน) พบว่ามีส่วนร่วมต่อวงจรสุขภาพดีมากกว่าคนที่ใช้วิธีเดียวถึงสองเท่า. “Sunday Scaries” เรื่องน่ากลัววันอาทิตย์ คือพนักงานจะให้ความสำคัญกับกิจกรรมดูแลสุขภาพของตัวเองน้อยที่สุดในวันอาทิตย์. การฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายยังคงได้รับความนิยม แต่ในปีนี้ผู้คนหันมาเล่นโยคะเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า. โภชนาการและนิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยปีนี้พนักงานเน้นโภชนาการที่ดีเพิ่มขึ้น 112% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีนิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น 71% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า.ผลกระทบของ “Wellness hour”
ซีซาร์ คาร์วัลโญ่ (Cesar Carvalho) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Wellhub บอกว่า “รายงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพนักงานบริษัทยุคใหม่ พวกเขามีทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพมากขึ้น ให้ความสำคัญกับโภชนาการ และสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพกาย-สุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น. ปัจจุบันมีบริษัทต่างๆ หลายแห่งหันมาจัดทำโปรแกรมดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมและราคาไม่แพง (เน้นการดูแลและป้องกัน) ให้แก่พนักงานมากขึ้น. สิ่งนี้ไม僅แต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาอาการป่วยของพนักงานเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในองค์กร และมีประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น. ผลการศึกษาตามรายงานข้างต้น ย้ำให้เห็นว่าพนักงานในยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงในแง่การดูแลสุขภาพ พวกเขาให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของตนเองแบบองค์รวม. แม้การออกกำลังกายยังคงเป็นหัวใจสำคัญ แต่คนรุ่นใหม่กำลังขยายขอบเขตการดูแลสุขภาพให้เป็นมากกว่าการออกกำลังกายทางร่างกาย (โภชนาการ สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ) แต่พวกเขาต้องการดูแลสุขภาพจิตใจด้วย (นั่งสมาธิ ทำกิจกรรมผ่อนคลาย).ผลกระทบต่อสุขภาพและอายุยืนยาว
ดร.ซาจาด ซัลซาลา ผู้นำด้านเวชศาสตร์อายุยืนและผู้ก่อตั้งร่วมของ AgelessRx ยึดถือหลักการนี้เป็นประจำทุกวัน. เขาออกกำลังกายด้วยการเดินมากกว่า 8,000 ก้าวต่อวัน ซึ่งช่วยสนับสนุนสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของเขาได้โดยตรง. เมื่อมีสุขภาพหัวใจที่ดีก็ส่งผลต่อเนื่องให้อายุยืนยาวขึ้น. อีกทั้งงานวิจัยล่าสุดจาก British Journal of Sports Medicine ก็เน้นย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงอันทรงพลังระหว่างการออกกำลังกายและการมีอายุยืนยาว โดยผลการวิจัยพบว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการยืดอายุขัยและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง.