ความท้าทายในการผลิตภาพยนตร์ย้อนยุคมักอยู่ที่รายละเอียดของเครื่องแต่งกาย โปรดิวเซอร์ Dinh Ngoc Diep เผยว่าเนื่องจากบริบททางประวัติศาสตร์ การหาหรือซื้อสินค้าสำเร็จรูปจึงไม่ใช่คำตอบ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีมงานได้ทำการย้อมและปรับแต่งผ้าเองเพื่อให้ได้ลักษณะเฉพาะตามที่ต้องการ โดยเฉพาะการฟอกสีและการซักผ้าเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ผ้าดูสมจริงมากขึ้น
การออกแบบเครื่องแต่งกายไม่เพียงแค่สะท้อนถึงระดับชนชั้นทางสังคมเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเวียดนามอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการผสมผสานนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยปรากฏในภาพยนตร์ย้อนยุค เช่น ชุดห้าชั้นสำหรับชนชั้นสูง และเสื้อเชิ้ตสี่ชิ้นสำหรับคนงาน นอกจากนี้ นักแสดงยังต้องสวมเครื่องแต่งกายหลายชั้นตลอดการถ่ายทำ แม้สภาพอากาศจะร้อนหรือหนาวเพียงใดก็ตาม
ความประทับใจจากผลงานนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของทีมงาน เมื่อประชาชนในพื้นที่ถ่ายทำชื่นชมและขอถ่ายภาพร่วมกับนักแสดง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์ไม่ได้เป็นเพียงสื่อบันเทิง แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน นอกจากนี้ การเข้าร่วมกิจกรรม Green Hair and Ao Dai 2025 ของนักแสดงและทีมงานยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของเครื่องแต่งกายประจำชาติในฐานะสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวเวียดนาม