การประมูลรถยนต์ในปี 2566-2568

Nov 27, 2024 at 12:18 PM
นายสุธี สมาธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหการประมูล ได้เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ใช้แล้วปีนี้ทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2566. ความสำคัญของสถานการณ์นี้มีผลต่อหลาย aspet ของธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว.

ผลกระทบจากราคาและปริมาณ

ในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา,ราคารถเริ่มขยับขึ้นหลังจากปรับลดสูงสุดถึง 30%. แม้ปริมาณรถเข้าลานประมูลจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี แต่หนี้เสียทรงตัวในระดับสูงยังทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ. คาดการณ์ปี 2568 คือจะมีรถยนต์ใช้แล้วเข้าสู่ลานประมูลประมาณ 2.5 แสนคัน, ซึ่งเป็นผลจากหลายปัจจัยเช่น หนี้ที่ยังทรงตัวและการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียน. คาดว่าอัตราส่วนการปรับตัวของราคารถยนต์ใช้แล้วจะเพิ่มขึ้น 10-15%.สำหรับรถใหม่ในปี 2568, คาดว่าจะมีปริมาณใกล้เคียงปีนี้ประมาณ 5.5-5.7 แสนคัน และทรงตัวในระดับนี้ต่อเนื่องอีกประมาณ 1-2 ปี. สิ่งนี้ทำให้ปริมาณรถใช้งานในตลาดรถยนต์ใช้แล้วลดลง, ทำให้รถกลุ่มนี้มีราคาดีและได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น.

สถานการณ์ตลาดรถไฟฟ้า

ตลาดรถไฟฟ้าใช้แล้วยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น. ปี 2566 มีรถเข้าสู่การประมูลเพียง 40 คัน และคาดว่าในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 100 คัน. แม้จะเติบโตแต่ยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป.

ผลกระทบจากปล่อยสินเชื่อและพฤติกรรมการซื้อ

ในปี 2567, การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วคาดว่าจะหดตัวลงประมาณ 5.5%-6% ต่อเนื่องเป็นปีที่สองหลังจากในปี 2566 มีการหดตัว 4% จากปี 2565. สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน虽ยังคงเติบโต แต่อัตราการเติบโตชะลอลงมาอยู่ที่ 17% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 35% ในช่วงปี 2565-2566. ผู้บริโภคหันมาใช้เงินสดมากขึ้น, คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเกือบ 30%. สิ่งนี้ทำให้ยอดขายลดลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปี 2566.ในปี 2568, ผลกระทบจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อยังคงมีผล. ขาดแรงกระตุ้นจากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงเปราะบางและจำกัด. สิ่งนี้ทำให้พฤติกรรมการครอบครองรถยนต์เปลี่ยนไปในทิศทางที่ใช้งานรถยนต์เดิมนานขึ้น. การแข่งขันด้านราคาของรถยนต์ใหม่ที่รุนแรงยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์ใช้แล้ว, ทำให้ต้นทุนการขายและราคาตลาดลดลงในบางกลุ่ม. อย่างไรก็ตาม, รถยนต์ที่มีคุณภาพดีหรือใช้งานน้อยยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเนื่องจากมีความคุ้มค่ากว่าการซื้อรถใหม่.

แนวโน้มในอนาคต

นายวิสุทธิ์มองว่า การปรับตัวของผู้ประกอบการจะมีความสำคัญในช่วงเวลานี้. การพัฒนากลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคเช่น การเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์, การจัดโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มและการเน้นให้ข้อมูลความคุ้มค่าของรถยนต์ใช้แล้วจะดึงดูดใจผู้บริโภคในสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย.