อาหารสัตว์เลี้ยงไอทีซีเติบโตแข็งแกร่ง แม้บาทแข็งค่ากระทบปีหน้า

บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ด้วยแบรนด์ชั้นนำอย่าง Bellotta, Marvo, ChangeTer, Calico Bay และ Paramount รวมถึงการรับจ้างผลิต (OEM) ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกจากเนื้อปลา ซึ่งล่าสุดมีแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาทในปีหน้า

ผลงานโดดเด่น ทำกำไรเติบโตก้าวกระโดด

ยอดขายเติบโตแข็งแกร่งในตลาดหลัก

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ITC มีผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดด โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายหลัก โดยเฉพาะในตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของบริษัท นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดเอเชียและโอเชียเนีย ส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตอย่างโดดเด่น

กำไรขั้นต้นสูงกว่าคาด

จากการที่ต้นทุนปลาทูน่าที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของ ITC มีราคาที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ในระดับสูงถึง 30% ในไตรมาส 3 ปี 2567 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงงานใหม่ก็ได้รับการชดเชยจากกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น

กำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง

จากปัจจัยบวกดังกล่าว ทำให้ ITC มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 1,004 ล้านบาท เติบโตถึง 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 จะมีกำไรสุทธิรวม 2,832 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แนวโน้มไตรมาส 4 ยังดี แต่กำไรอาจลดลง

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4 ปี 2567 คาดว่ารายได้ของ ITC จะยังคงเติบโตได้ดี โดยบริษัทได้ยืนยันยอดขายแล้วประมาณ 50% จากเป้าหมายการเติบโตในปีก่อน อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นอาจจะไม่สูงเท่ากับ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่อาจปรับตัวสูงขึ้น

เด่นสุดในกลุ่มอาหารสัตว์

จากผลประกอบการที่โดดเด่นและแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง ทำให้นักวิเคราะห์มีมุมมองที่ดีต่อหุ้น ITC โดยให้คำแนะนำ "ซื้อ" และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่เป็น 30 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมูลค่าหุ้นปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง โดยมี PER ปี 2568 อยู่ที่ 16.5 เท่า พร้อมกับคาดการณ์การเติบโตของกำไรที่ 11% ต่อปี

ความเสี่ยงจากบาทแข็งค่า

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงหลักที่นักวิเคราะห์มองเห็นในปี 2568 คือการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งจากการศึกษาพบว่า การเปลี่ยนแปลงของเงินบาทต่อดอลลาร์ทุก 1 บาท จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ITC ประมาณ 3% ดังนั้น หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างฉับพลัน อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปีหน้า แม้ว่าในปีนี้ ITC จะได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว