iCAR V23: ความแตกต่างที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสายลุยรุ่นนี้น่าสนใจ

iCAR V23 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสายลุยรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับการปรับปรุงและพัฒนาจาก JAECOO 6 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสายลุยรุ่นก่อนหน้า โดยมีการปรับขนาดตัวรถให้มีความกระชับมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถทำราคาได้ดียิ่งขึ้น

ความพิเศษที่ทำให้ iCAR V23 น่าสนใจ

ดีไซน์ภายนอกที่ดุดันและแข็งแกร่ง

iCAR V23 ถูกออกแบบมาในรูปแบบกล่องเหลี่ยมเช่นเดียวกับ JAECOO 6 แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ดูดุดันและแข็งแกร่งมากขึ้น อาทิ การออกแบบไฟหน้าทรงกลม กระจังหน้าและกันชนที่ดูทรงพลัง การยกฝากระโปรงหน้าให้สูงขึ้น และการตีโป่งตัวถังให้กว้างขึ้น ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของรถสายลุยได้เป็นอย่างดี

ดีไซน์ภายในที่เน้นความดุดันและความสะดวกสบาย

ภายในตัวรถ iCAR V23 ได้รับการออกแบบให้มีความดุดันมากขึ้น โดยใช้โทนสีสว่างตัดกับโทนสีมืด และเน้นลายเส้นแบบตรงเพื่อสร้างความรู้สึกแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีการเว้นช่องว่างระหว่างคอนโซลหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา ส่วนหน้าจอใช้ชิพ 8155 ที่ทำงานได้อย่างราบรื่น และรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สาย ปุ่มกดต่างๆ ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ทั้งด้านบนหลังคาและใต้หน้าจอ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

ระบบขับเคลื่อนที่มีทั้งรุ่น 2WD และ 4WD

iCAR V23 มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อ (RWD) และ 4 ล้อ (AWD) โดยรุ่น RWD ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขนาด 100 kW มอบกำลังสูงสุด 136 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 59.5 kWh ขับได้ไกล 400 กม./ชาร์จ ส่วนรุ่น AWD ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขนาด 155 kW มอบกำลังรวม 208 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 70 kWh ขับได้ไกล 501 กม./ชาร์จ และมีความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม.

ความสามารถในการขับขี่ที่โดดเด่น

จากการทดสอบขับขี่ในประเทศจีน พบว่า iCAR V23 มีความกระชับและมุมมองการขับขี่ที่กว้างไกลมากขึ้นเมื่อเทียบกับ JAECOO 6 ช่วงล่างของรถมีการซับแรงกระแทกที่ดีตามสไตล์ของรถออฟโรด แม้จะรู้สึกได้ถึงความเฟิร์มมากกว่าเล็กน้อย ส่วนน้ำหนักพวงมาลัยก็ถือว่ากำลังดี อย่างไรก็ตาม ด้านพละกำลังของรุ่น 2WD อาจยังไม่ปรู๊ดปราดเท่ารุ่น 4WD ที่มีกำลังมากกว่า

ราคาที่น่าสนใจ

iCAR V23 คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศจีนช่วงปลายปี 2567 นี้ โดยมีเป้าหมายให้ราคาต่ำกว่า JAECOO 6 ซึ่งหากเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย อาจใช้ชื่อว่า JAECOO 3 และคาดว่าราคาจะอยู่ในกลุ่มเดียวกับ NETA X และ BYD ATTO 3 หรือไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่น่าสนใจสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสายลุยรุ่นนี้