สื่อญี่ปุ่นตีข่าว โตโยต้าจับมือ BMW ร่วมพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง : อินโฟเควสท์

Aug 27, 2024 at 9:28 AM

รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง: บีเอ็มดับเบิลยูและโตโยต้าร่วมมือยกระดับความสามารถในการแข่งขัน

วงการอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้ รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ชะลอตัวลง ทำให้แบรนด์รถยนต์ชั้นนำอย่างบีเอ็มดับเบิลยูและโตโยต้ามุ่งเน้นที่จะเสริมความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงผ่านความร่วมมือที่ยกระดับขึ้น

เปิดขอบเขตความร่วมมือระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์

การผนึกกำลังของบีเอ็มดับเบิลยูและโตโยต้า

บริษัทรถยนต์ชั้นนำทั้งสองแห่งได้ยกระดับความร่วมมือด้านรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงที่ถือว่ามีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในการลดต้นทุนการผลิตและพัฒนาประสิทธิภาพของรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น

คาดการณ์แนวโน้มตลาดรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง

ในช่วงที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง ภาพรวมของตลาดรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงกลับแสดงสัญญาณที่น่าสนใจ โดยในช่วงหลังมีหลายแบรนด์ชั้นนำเริ่มให้ความสำคัญและกลับมาเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนารถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงอีกครั้ง เช่น ฮอนด้า ที่เปิดตัวรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงรุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา

บีเอ็มดับเบิลยูเตรียมขยายผลิตภัณฑ์รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยูมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนรุ่นรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงให้มากขึ้นในช่วงทศวรรษ 2030 โดยเริ่มต้นจากการผลิตรถยนต์ต้นแบบ iX5 Hydrogen ในปริมาณมาก ซึ่งติดตั้งระบบงานและชิ้นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีจากโตโยต้า รวมถึงการจัดหาถังไฮโดรเจนและระบบเซลล์เชื้อเพลิงจากโตโยต้าด้วย

โตโยต้าเตรียมจัดหาชิ้นส่วนสำคัญให้บีเอ็มดับเบิลยู

จากความร่วมมือที่ยกระดับขึ้นในครั้งนี้ โตโยต้าจะมีบทบาทที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะจัดหาชิ้นส่วนที่สำคัญ เช่น ถังไฮโดรเจนและระบบเซลล์เชื้อเพลิงให้กับบีเอ็มดับเบิลยู ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูจะนำเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนรถ EV ที่พัฒนาขึ้นเองมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนส่วนประกอบอื่น ๆ ของรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จึงจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง

นอกเหนือจากการร่วมมือพัฒนารถยนต์แล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ยังคาดว่าจะครอบคลุมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดหาไฮโดรเจนในภูมิภาคยุโรป ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสถานีเติมไฮโดรเจนน้อยกว่าสถานีชาร์จรถ EV สาธารณะในสหภาพยุโรป ทำให้การใช้งานรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงยังเป็นเรื่องยากสำหรับผู้บริโภค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเป็นการช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงในอนาคต