เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ 'อาจารย์น้องหญิง' ได้เปิดพื้นที่ส่วนตัวเพื่อให้บริการรักษาโรคแก่ผู้คนโดยไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการใดๆ โดยมีการอ้างว่าสามารถสื่อสารกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์และใช้คลื่นพลังบุญในการรักษาได้ อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีตรวจสอบและดำเนินการจับกุม ภายใต้ข้อหาใช้ข้อมูลเท็จในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อหลอกลวงประชาชน
การจับกุมดังกล่าวได้สร้างความสั่นสะเทือนในหมู่ผู้ที่เชื่อมั่นในการรักษาแบบทางเลือก และเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะในด้านของความถูกต้องตามกฎหมายและความปลอดภัยของผู้รับบริการ
หลังจากเหตุการณ์การจับกุม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีได้ส่งจดหมายถึง 'อาจารย์น้องหญิง' เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความจำเป็นในการหยุดกิจกรรมการรักษาโรคที่ดำเนินการอยู่ โดยระบุว่าการรักษาดังกล่าวไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนหรือได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จดหมายดังกล่าวได้ชี้แจงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับการรักษา และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายสาธารณสุขเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ในบทความนี้ยังได้กล่าวถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค โดยเฉพาะพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ที่ระบุถึงข้อห้ามและโทษที่จะตามมาหากมีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต
การทำความเข้าใจในกฎหมายเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการมีความปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองตามหลักสาธารณสุขที่ถูกต้อง
สุดท้ายนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีได้ขอให้ 'อาจารย์น้องหญิง' หยุดกิจกรรมการรักษาโรคทันที และได้เตือนว่าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
คำสั่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องผู้รับบริการจากการรักษาที่อาจไม่มีมาตรฐาน แต่ยังเป็นการย้ำเตือนถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อความสงบสุขของสังคมโดยรวม