ไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก: โอกาสทองในตลาดจีน

Oct 15, 2024 at 5:29 AM
Single Slide
ไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก: โอกาสทองในตลาดจีน

ไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก: โอกาสทองในตลาดจีน

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ของโลก โดยในปี 2566 ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 4 ของโลก มีส่วนแบ่งตลาดถึง 8.39% ของมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลก ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า อย่างเช่น เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ทั้งนี้ ตลาดจีนถือเป็นตลาดศักยภาพที่ไทยควรให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงสูงและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ตลาดจีน: โอกาสทองสำหรับผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทย

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

จีนถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงจากไทย โดยในปี 2566 จีนเป็นตลาดนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับที่ 3 ของไทย มีส่วนแบ่งตลาดถึง 8.02% ของมูลค่าการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงของจีน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างสหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า ทั้งนี้ ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนสัตว์เลี้ยงในประเทศมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2566 มีสุนัขและแมวในเขตเมืองทั่วประเทศจีนมากกว่า 120 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน ส่งผลให้ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนมีการแข่งขันสูง แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาส

แม้ว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนจะมีการแข่งขันที่สูงและรุนแรง แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้ส่งออกจากไทย โดยเฉพาะในเขตเมืองรองระดับสองของจีน ซึ่งมีสัดส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงสูงถึง 41% ของตลาดทั้งหมด ซึ่งรวมถึงเมืองหลวงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ นครฮาร์บิน นครฉางชุน และนครเสิ่นหยาง ที่ถือเป็นเมืองศักยภาพสำหรับการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ มณฑลเหลียวหนิง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในจีน ก็ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากมีสัดส่วนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสูงถึง 70% ของตลาดทั้งประเทศ

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าเติบโตในจีน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าจากต่างประเทศสามารถเติบโตในตลาดจีนได้ คือ การมีสินค้าวางจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ขาดตลาด รวมถึงการควบคุมราคาให้ไม่แตกต่างกันมากในแต่ละช่องทางการจำหน่าย เนื่องจากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนมีการแข่งขันสูง ทั้งระหว่างร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีหน้าร้าน ร้านค้าออนไลน์ และร้านค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน นอกจากนี้ ความสดใหม่ของสินค้าก็เป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนให้ความสำคัญกับวันหมดอายุ ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้ามักมีวันหมดอายุที่สั้นกว่าอาหารสัตว์เลี้ยงที่ผลิตในประเทศ นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและสะดุดตา รวมถึงข้อมูลอธิบายคุณค่าทางโภชนาการและคุณสมบัติเฉพาะของผลิตภัณฑ์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้อาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าได้รับความนิยมในตลาดจีน

ไทยมีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีน

แม้ว่าในปี 2566 การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยไปจีนจะหดตัว 42.2% แต่ในปี 2567 ช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค. - ส.ค.) ก็กลับมาขยายตัว 9.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยมีส่วนแบ่งมูลค่าการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงของจีนเพิ่มขึ้นจาก 7.09% เป็น 9.38% ขณะที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 กลับมีส่วนแบ่งลดลง ดังนั้น ผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยจึงควรให้ความสำคัญกับการเจาะตลาดจีน โดยเฉพาะในเขตเมืองรองระดับสองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีศักยภาพสูง และควรศึกษารสนิยม พฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคในตลาดนั้นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมาตรฐานให้กับสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย รวมทั้งให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่การผลิต ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น