ไต้ฝุ่นยางิ: ความสูญเสียและความท้าทายในการฟื้นฟูเวียดนาม

ไต้ฝุ่นยางิ ซึ่งถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในเอเชียในปีนี้ ได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายอย่างมากมายในเวียดนาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินธุรกิจในประเทศ ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังคงประสบปัญหาไฟฟ้าดับ

ไต้ฝุ่นยางิ: ความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่า

### ความเสียหายอย่างกว้างขวางไต้ฝุ่นยางิ ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่จังหวัดไฮฟอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมมากมายทั้งของเวียดนามและบริษัทต่างชาติ ก่อนที่จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาของเวียดนามได้เตือนในวันจันทร์ว่า พายุนี้ยังคงสามารถทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มเพิ่มเติมได้ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นกว้างขวางและรุนแรง โดยมีรายงานว่า มีไฟดับกระทบบ้านเรือนและธุรกิจหลายล้านแห่ง, น้ำท่วมถนนหลวงหลายสาย, ตัดขาดเครือข่ายโทรคมนาคม, สะพานขนาดกลางเส้นหนึ่งพังถล่ม, และต้นไม้หักโค่นหลายพันต้น นอกจากนี้ ยังส่งผลให้กิจการทางเศรษฐกิจภายในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งต้องหยุดชะงัก### ผู้เสียชีวิตและความเสียหายอย่างมหาศาลตามรายงานของสำนักงานจัดการภัยพิบัติของเวียดนาม จำนวนผู้เสียชีวิตที่พบจนถึงตอนนี้อยู่ที่ 59 ศพ และมีผู้สูญหายอีก 22 ราย ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากดินถล่มและน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังมีรายงานความเสียหายอย่างมหาศาลต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพังทลายของกำแพงโรงงานของบริษัท แอลจี (LG) ในเมืองไฮฟอง และการพังถล่มของสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำแดงในจังหวัดพูเทอ ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญของประเทศ### ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไต้ฝุ่นยางิ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคอุตสาหกรรมในเวียดนาม โดยเฉพาะในจังหวัดไฮฟอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย ผู้จัดการและคนงานในนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่างเปิดเผยว่า พวกเขายังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ และกำลังพยายามเก็บกู้เครื่องมือจากโรงงานที่ถูกลมพายุซัดจนหลังคาเหล็กปลิวประจาย ทำให้การดำเนินงานต้องหยุดชะงักนอกจากนี้ ยังมีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงงานของบริษัทต่างชาติ เช่น กำแพงโรงงานของบริษัท แอลจี (LG) ของเกาหลีใต้ที่พังถล่มลงมา และโรงงานที่เก็บตู้เย็นและเครื่องซักผ้าถูกน้ำท่วม แม้ว่าจะไม่มีลูกจ้างได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ### ความพยายามในการฟื้นฟูในขณะที่ความเสียหายยังคงเป็นที่ประจักษ์ ทางการเวียดนามก็ได้ดำเนินการเพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยนายกรัฐมนตรี ฝั่ม นิญ จิ๊ญ ได้เดินทางเยือนจังหวัดไฮฟองเพื่อตรวจสอบความเสียหาย และอนุมัติแพ็กเกจช่วยเหลือในการฟื้นฟูเมืองมูลค่า 4.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ บริษัท EVN ผู้ให้บริการพลังงานไฟฟ้าในเวียดนาม ก็ได้ฟื้นฟูระบบพลังงานกลับมาได้แล้วเกือบ 75% ในวันจันทร์อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เนื่องจากหน่วยงานด้านสภาพอากาศของเวียดนามได้เตือนว่า อิทธิพลของพายุดีเปรสชันยางิมีโอกาสทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มเพิ่มอีกขึ้น โดยคาดว่าจะมีฝนตกหนักและลมแรงที่กรุงฮานอยในคืนวันจันทร์ ซึ่งอาจส่งผลให้ความพยายามในการฟื้นฟูต้องหยุดชะงักลง