เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถพุ่งชนผู้คนที่สัญจรไปมาภายในศูนย์กีฬาเมืองจูไห่ ทางตอนใต้ของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย และบาดเจ็บเกือบ 100 ราย ก่อนการเปิดงานแสดงอากาศยานสำคัญของจีนในเมืองจูไห่
เหตุการณ์น่าสะเทือนใจที่ทำให้ความปลอดภัยของประชาชนถูกละเลย
เหตุการณ์รถชนในศูนย์กีฬาจูไห่
ในวันที่ 12 พฤศจิกายน เกิดเหตุรถพุ่งชนผู้คนที่สัญจรไปมาภายในศูนย์กีฬาเมืองจูไห่ ทางตอนใต้ของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย และบาดเจ็บเกือบ 100 ราย ตำรวจท้องถิ่นเผยว่า คนขับรถแซ่ฟาน อายุ 62 ปี ถูกควบคุมตัวได้ในที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ทราบแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวศูนย์กีฬาแห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักวิ่งและนักเดินในท้องถิ่น และไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับชุมชนท้องถิ่น และเป็นการละเลยความปลอดภัยของประชาชนการควบคุมข้อมูลก่อนงานแสดงอากาศยาน
คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียหลังเกิดเหตุแสดงให้เห็นภาพผู้คนจำนวนมากนอนนิ่งจมกองเลือด อย่างไรก็ดี ภายในช่วงดึกของวันจันทร์ รายงานจากสื่อจีนและภาพในโซเชียลมีเดียถูกลบออกทั้งหมด ทำให้เกิดความสงสัยว่าเจ้าหน้าที่อาจกำลังควบคุมข้อมูลก่อนการเปิดงานแสดงอากาศยานการลบรายงานและภาพจากสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่อาจกำลังพยายามควบคุมข้อมูลก่อนการเปิดงานแสดงอากาศยานสำคัญของจีน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายน ในเมืองจูไห่ การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์ในครั้งนี้งานแสดงอากาศยานสำคัญของจีน
เครื่องบินขับไล่ J-35 รุ่นใหม่ของกองทัพจีน และเครื่องบินขับไล่ J-15 บนเรือบรรทุกเครื่องบิน เป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ถูกนำมาจัดแสดงในงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติของจีน ซึ่งจัดขึ้นทุก 2 ปี และจะจัดแสดงจนถึงวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายนนี้งานแสดงอากาศยานนี้ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของจีน ที่จัดขึ้นทุก 2 ปี เพื่อแสดงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอากาศยานและอวกาศของประเทศ โดยในครั้งนี้จะมีการจัดแสดงเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ของกองทัพจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของงานนี้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์รถชนในศูนย์กีฬาจูไห่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ได้สร้างความกังวลและความสงสัยต่อความปลอดภัยและความโปร่งใสของงานแสดงในครั้งนี้
