ในยามบ่ายของวันธรรมดา ครอบครัวหนึ่งประสบเหตุการณ์สุดระทึก เมื่อถูกกลุ่มวัยรุ่นปาหินและทรายใส่ระหว่างเดินทางกลับจากตลาด แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความหวาดผวาให้กับผู้เสียหายและประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และได้ถูกนำมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดี

เหตุการณ์ในเช้าวันที่ 6 เมษายน 2568

ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2568 นางสาวพัชร อายุ 42 ปี ซึ่งประกอบอาชีพขายอาหารเล่าว่า ในเย็นวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่เธอกำลังขับรถกลับจากตลาดบริเวณแม่น้ำคู้ ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พร้อมกับสมาชิกครอบครัวรวม 5 คน ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 3 คันขับตามประกบ และเริ่มปาหินและทรายเข้าใส่รถของเธอ โดยเฉพาะลูกสาวและหลานที่กำลังนั่งอยู่ในรถ

ด้วยความเป็นห่วงลูก นางสาวพัชรจึงพยายามขับรถไล่ตามกลุ่มคนร้ายไป พร้อมกับให้ลูกสาวบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน ปรากฏว่ากลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดประกอบด้วยชายหนุ่ม 4 คน แบ่งกันขับรถจักรยานยนต์ 3 คัน โดยคนหนึ่งที่ซ้อนท้ายเป็นเด็กนักเรียนสวมเครื่องแบบขาสั้น เสื้อสีขาว กางเกงสีน้ำตาล เป็นผู้กระทำการปาหินและทราย

แม้ว่าจะพยายามไล่ตาม แต่ด้วยความเร็วของรถและการสูญเสียเวลาในการติดตาม สุดท้ายเธอจำเป็นต้องหยุดรถเพราะตามไม่ทัน จากนั้นเธอได้นำเรื่องราวไปแจ้งตำรวจสถานีตำรวจภูธรปลวกแดง เพื่อขอความเป็นธรรม

นอกจากนี้ นางสาวพัชรยังแสดงความกังวลว่าตนเองและครอบครัวอาจไม่ปลอดภัยจากการแก้แค้น หากคดีดังกล่าวไม่ได้รับการดำเนินการอย่างจริงจัง เธอจึงขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนเพื่อเตือนภัยในกรณีที่คล้ายคลึงกัน

คาดว่าเหตุการณ์นี้อาจมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจการขายของในตลาด โดยเธอเกรงว่าการแข่งขันทางการค้าอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยในชุมชน การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งควรทำผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง แทนที่จะใช้วิธีการทำร้ายหรือสร้างความหวาดกลัวต่อบุคคลอื่น การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำลายความเชื่อมั่นในสังคม แต่ยังเป็นการทำลายอนาคตของเยาวชนที่ควรได้รับการอบรมและพัฒนาในทางที่ถูกต้อง