เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดฉากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดรถตู้หรูด้วย Mercedes-Benz Vision V ต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงอนาคตของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและระบบเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การออกแบบภายนอกเน้นความเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับฟังก์ชันภายในที่พร้อมมอบความสะดวกสบายและความบันเทิงระดับสูงสุด
Mercedes-Benz Vision V มาพร้อมกับโครงสร้างตัวถังที่เน้นความลู่ลม ซึ่งช่วยลดแรงต้านอากาศขณะเคลื่อนที่ ส่วนไฟหน้า LED และไฟท้ายขนาดใหญ่กว่า 450 จุด ทำให้รถยนต์ดูโดดเด่นบนถนน นอกจากนี้ โลโก้สามแฉกที่สามารถเปล่งแสงได้ยังเพิ่มความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งล้อขนาด 24 นิ้วที่มีดีไซน์คล้ายกับ Maybach ยิ่งเสริมความหรูหราให้กับตัวรถ
การออกแบบภายนอกของ Vision V ไม่เพียงแต่เน้นความสวยงามเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งานจริง โดยเฉพาะการประหยัดพลังงานและการลดเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่เงียบสงบและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
ภายในของ Mercedes-Benz Vision V เต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้งาน หน้าจอขนาด 65 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลังทำงานร่วมกับ projector 7 ตัว สามารถแสดงภาพขนาดใหญ่ทั่วทั้งตัวรถ โดยไม่มีรอยต่อใด ๆ นอกจากนี้ ยังมีลำโพง 42 จุดที่ติดตั้งอยู่ในเบาะผู้ใช้งาน เพื่อมอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง
เทคโนโลยี Liquid Crystal ในฉากกั้นระหว่างห้องหน้าและหลัง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถปรับระดับความโปร่งใสได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นทั้งหมด การปิดทึบเพื่อความเป็นส่วนตัว หรือการปรับเป็นแบบโปร่งแสงเพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแสดงผล 3 จอที่ฝั่งหน้า รวมถึงฟังก์ชันการทำงานอื่น ๆ เช่น การเล่นเกมส์เฉพาะรุ่นและการร้องคาราโอเกะ ซึ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความบันเทิงในระหว่างการเดินทาง
Mercedes-Benz Vision V ขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า EV ที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Van Electric Architecture (VAN.EA) ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถตู้ไฟฟ้า นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานและการประหยัดพลังงาน
นอกจากเวอร์ชั่นรถตู้หรูที่เปิดตัวในต้นแบบแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังมีแผนในการพัฒนารถตู้หลากหลายประเภทในอนาคต เช่น รถตู้มาตรฐาน รถตู้สำหรับครอบครัว รถตู้ VIP และรถตู้ลีมูซีน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยเวอร์ชั่นผลิตจริงรุ่นแรกคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026