เติร์ด-กัปตัน กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งใน Achilles Curse… อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป

Sep 20, 2024 at 3:28 AM
Slide 7
Slide 1
Slide 2
Slide 3
Slide 4
Slide 5
Slide 6
Slide 7
Slide 1

ภาพยนตร์แฟนตาซีสืบสวนเรื่องแรกของไทย "อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป"

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความสนใจอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวนักแสดงนำ โดยเป็นการรวมตัวของ 2 เพื่อนซี้ เติร์ด ลภัส งามเฉวง และกัปตัน ชลธร คงยิ่งยง ที่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในพาร์ทการแสดง ซึ่งทั้งคู่ได้มาเล่าถึงประสบการณ์การทำงานด้วยกันในครั้งนี้

ค้นหาความลึกลับในโลกแฟนตาซี

ความท้าทายในการรับบทบาท

กัปตัน ชลธร รับบทเป็นจิน นักธุรกิจที่ต้องเข้าไปช่วยบริหารพิพิธภัณฑ์ของคู่หมั้น (จ๋อมแจ๋ม-สุพิชชา สุบรรณพงษ์) ในโลกแฟนตาซีที่มีจุดอาร์คซึ่งเป็นจุดอ่อนของแต่ละคน ส่วนเติร์ด ลภัส รับบทเป็นลุค นักสืบเอกชนที่มาค้นหาปริศนาในโลกนี้ ทั้งคู่เล่าว่าการรับบทบาทมีความใกล้เคียงกับตัวเองพอสมควร แต่ก็ยังมีความท้าทายในการถ่ายทอดบทบาทให้สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในส่วนของบทสนทนาที่ยาวและซับซ้อน

ประสบการณ์การทำงานร่วมกัน

กัปตันและเติร์ดเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน จึงรู้สึกสบายใจและเข้ากันได้ดีในการทำงานครั้งนี้ ทั้งคู่เล่าว่าการได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเหมือนได้กลับไปอยู่ในโรงเรียนเก่า ทำให้บรรยากาศในการทำงานสนุกสนานและเป็นกันเอง ซึ่งส่งผลดีต่อคุณภาพการแสดงด้วย นอกจากนี้ทั้งคู่ยังประทับใจในการทำงานร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่องนี้ด้วย

ความประทับใจในการแสดง

เติร์ดเล่าว่าเขาประทับใจในซีนที่ได้ร่วมงานกับมาเบลและพิมมา ซึ่งเป็นซีนที่ทำให้เขาได้ค้นพบความรู้สึกใหม่ๆ ในการแสดง ส่วนกัปตันประทับใจในการทำงานร่วมกับจ๋อมแจ๋ม เพราะรู้สึกว่าเธอเป็นคู่แสดงที่ดี ทำให้การทำงานร่วมกันราบรื่นและสนุกสนาน

ความรู้สึกในการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก

กัปตันเล่าว่าการได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกนั้นรู้สึกตื่นเต้นและได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะการแสดงในภาพยนตร์มีความแตกต่างจากการแสดงในซีรีส์ โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมตัวและการถ่ายทอดอารมณ์ที่ต้องมีความหมายและความสำคัญในทุกการกระทำ ส่วนเติร์ดก็รู้สึกสนุกและอุ่นใจที่ได้ร่วมงานกับเพื่อนสนิท

ความคาดหวังต่อภาพยนตร์เรื่องนี้

กัปตันและเติร์ดเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปิดตลาดหนังแฟนตาซีและหนังสืบสวนในประเทศไทย โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ชมที่ชื่นชอบแนวเรื่องแบบนี้ ซึ่งยังมีน้อยในวงการภาพยนตร์ไทย ทั้งคู่หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ชมและสามารถพัฒนาไปสู่ระดับสากลได้ในอนาคต