ในงบในงวดไตรมาส 3 ปี 2567 WORK มีรายได้รวม 509.7 ล้านบาทและปรับตัวลดลง 17% จากช่วงเดียวกันปีก่อน. มีผลขาดทุน 17.3 ล้านบาททำให้ภาพรวมงวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้รวม 1,612.4 ล้านบาทลดลง 13% และมีกำไรสุทธิ 41.2 ล้านบาทลดลง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน. สาเหตุที่ทำให้หุ้น WORK พลิกขาดทุนเนื่องด้วยรายได้ค่าโฆษณาของธุรกิจรายการโทรทัศน์ที่หดตัวลงอย่างหนักและรายได้จากธุรกิจ Event ก็ยังลดลง.
ยังมีโอกาสที่แนวโน้มกำไรของบริษัทจะอ่อนแอลงต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4 ตามภาวะอุตสาหกรรมสื่อทีวีเพราะพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไปจากอดีต.
ผู้บริหารของ Workpoint ได้มีการประกาศตัดธุรกิจที่ขาดทุนและหันไปมุ่งเน้นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างกำไรในอนาคต. คล้ายคลึงกับยุติการผลิตละครในช่องเวิร์คพอยท์ แต่จะเน้นทำรายการวาไรตี้และรายการเทเลอร์เมด ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายราว 100 – 150 ล้านบาทต่อปี.
ส่วนธุรกิจที่บริษัทจะมุ่งเน้นแบบเต็มที่คือธุรกิจเพลงและการปั้นศิลปินแนวที-ป๊อป (T-Pop) ภายใต้การบริหารจัดการของค่าย XOXO ENTERTAINMEN. ปัจจุบันมีทั้งศิลปินเดี่ยว ศิลปินกลุ่มบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ป โดยมีศิลปินชื่อดังเช่น 4EVE และ ATLAS.
อีกหนึ่งแผนกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือการหันมาเน้นผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ทั้งจาก “โคตรคูล”และจากบริษัทร่วมทุนกับ “เบิ้ล ปทุมราช” เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคและเม็ดเงินโฆษณาที่กำลังหันมาทางออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ.
บริษัทตั้งเป้าหมายว่ากลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะส่งผลให้รายได้ปี 2568 อยู่ที่ 2,500 ล้านบาทและทำกำไรสัดส่วน 2-3%.
จากการสำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์ต่อหุ้น WORK จะพบว่ายังมีโทนที่เป็น Negative ต่อผลประกอบการและการประมาณการกำไรในอนาคต. ฝ่ายวิจัย บล. ฟิลลิป คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 WORK จะกลับมามีกำไรอยู่ที่ 65 ล้านบาทจากการเน้นรายการ Tailor Made มากขึ้นตามความต้องการของลูกค้า แต่บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กรและลดพนักงานที่ไม่อยู่ในแผนงานเช่นการผลิตละครและค่าใช้จ่ายในการปั้นศิลปินฝึกหัดเพื่อนำออกไปต่างประเทศ.
บทวิเคราะห์ บล. กรุงศรี ยังมอง Negative ต่อผลประกอบการของ WORK แย่กว่าที่คาดและปรับประมาณการปี 2567-2569 ลงและปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 7.45 บาทต่อหุ้น (เดิม 7.90 บาทต่อหุ้น) ให้คำแนะนำ Reduce.
WORK ยังไม่น่าสนใจจากผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนแอจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมสื่อทีวีที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้ชมและ WORK อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว.
สุดท้าย Workpoint จะปรับตัวเข้าหาสื่อในยุคปัจจุบันได้ดีแค่ไหนคงต้องผสมผสานระหว่างสื่อรูปแบบดั้งเดิมกับสื่อสมัยใหม่เหมือนอย่างที่บริษัทเคยประสบความสำเร็จจากการเปลี่ยนผ่านยุคทีวี Analog เข้าสู่ช่วงแรกของทีวี Digital.