“อ้อม พิยดา” ปรับตัวสู้วิกฤตละคร รับผู้จัดหลายคนถอดใจ เทรนด์โลก-เทรนด์ไทยเปลี่ยนไปแล้ว
Sep 13, 2024 at 2:43 PM
ผู้จัดละครอ้อม พิยดา เปิดใจรับมือวิกฤตละครไทย ปรับตัวสู้ยุคดิจิทัล เชื่อละครจะไม่หายไป แต่เป็นเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
ในยุคที่วงการบันเทิงไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ผู้จัดละครอย่าง "อ้อม พิยดา อัครเศรณี" ได้เปิดเผยถึงการปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ของละครไทย โดยเน้นการปรับเปลี่ยนเนื้อหาและรูปแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็ยังคงเชื่อมั่นว่าละครจะไม่หายไปจากหน้าจอ แต่จะเป็นเฉพาะกลุ่มมากขึ้นปรับตัวสู้วิกฤต ตามทันเทรนด์ใหม่ของวงการบันเทิง
ปรับตัวรับมือวิกฤตละครไทย
อ้อม พิยดา กล่าวว่า ในปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้คนดูมีทางเลือกในการรับชมสื่อมากขึ้น ดังนั้น ผู้ผลิตคอนเทนต์จึงต้องปรับตัวและเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อให้สามารถผลิตเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ"โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนดูมีทางเลือกมากขึ้น เราก็ต้องปรับตัว เปิดใจ และตามให้ทัน มันถึงทำงานได้ ตอนนี้เทรนด์โลกหรือเทรนด์ไทยแลนด์เปลี่ยนไปแล้ว เราก็พยายามปรับจูนให้เข้ากับยุค ต้องตามให้ทัน เราก็น่าจะยังทำงานอยู่ได้"อ้อมยอมรับว่า ในปัจจุบันมีหลายคนในวงการบันเทิงที่ถอดใจไปแล้ว เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตของละครไทย ซึ่งส่งผลให้การเสนอละครเรื่องใหม่ยากขึ้น และบางค่ายถึงกับต้องปิดบริษัท อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าตนเองจะสามารถปรับตัวและอยู่รอดในวงการได้ โดยการเปิดรับการเปลี่ยนแปลงและตามทันเทรนด์ใหม่ๆ ของวงการบันเทิงปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
อ้อมเชื่อว่า ละครไทยจะไม่หายไปจากหน้าจอ แต่จะเป็นเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีหลายช่องทางให้ผู้ชมเลือกรับชม ซึ่งหมายความว่า ผู้ผลิตคอนเทนต์จะต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น"คิดว่ามันจะแคบขึ้น เป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม เพราะมีหลายช่องทางให้เลือกดู ถ้ามองด้านดี ก็จะดีกับคนดู เรามีทางเลือกเยอะมากขึ้น แต่อีกทางหนึ่ง คนทำงานก็ต้องทำคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับกลุ่มนั้น"ในขณะเดียวกัน อ้อมก็ยังคงมีความหวังว่า ละครซีรีส์จะยังคงอยู่ในวงการบันเทิงไทย แต่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบและกลุ่มเป้าหมายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนในปัจจุบันปรับตัวสู้ยุคดิจิทัล ลุยธุรกิจใหม่ๆ
อ้อมเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา เธอได้ปรับตัวโดยการลุยธุรกิจใหม่ๆ เช่น การจัดอีเวนต์ Flex 104.5 เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกัน เธอก็ยังคงมีแผนการผลิตละครซีรีส์อยู่ แต่ต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาและรูปแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนรุ่นใหม่"คือพอจบละครเรื่องสืบลับหมอระบาด อ้อมก็มาลุย ทำ Flex 104.5 เพราะการทำอีเวนต์มันใช้เวลาเยอะมาก เราก็เลยยังไม่ได้เสนอละคร เราได้แต่มีการพบเจอพูดคุยกัน ก็เห็นจากข่าวอย่างที่ทุกคนเห็น เราก็ต้องปรับตัวมากกว่า ทุกอย่างมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว"นอกจากนี้ อ้อมยังเปิดเผยว่า เธอได้รับการติดต่อจากผู้ผลิตละครซีรีส์ประเภทวายและยูริ ซึ่งเป็นกระแสที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่เนื่องจากเธอยังติดภาระงานวิทยุอยู่ จึงยังไม่สามารถรับงานดังกล่าวได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เธอมีแผนที่จะกลับไปแสดงละครในอนาคตปรับตัวรับมือการเติบโตของลูกสาว
ในขณะเดียวกัน อ้อมยังต้องปรับตัวรับมือกับการเติบโตของลูกสาวอย่าง "น้องนาวา" ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ และเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป อ้อมกล่าวว่า เธอพยายามเปิดใจและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของลูก แม้จะรู้สึกห่วงและหวงลูกอยู่บ้าง แต่ก็พยายามปรับตัวให้ทันกับการเติบโตของลูก"โตแล้ว ไม่อยากให้โตเลย อยากสตาฟไว้ อายุ 12 ปีนี้คือโตคาตา ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร เพราะอยู่ด้วยกันทุกวันยังแบบอุ้ย ลูก แต่ยังตัวติดกันเหมือนเดิม เราไม่แน่ใจว่าลูกติดไหม แต่ว่าเราติดค่ะ"อ้อมยอมรับว่า ตนเองยังไม่พร้อมที่จะปล่อยให้ลูกมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น และยังคงห่วงใยลูกอยู่ ขณะที่คุณพ่อของน้องนาวาก็ยังคงหวงลูกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่า การเติบโตของลูกเป็นเรื่องธรรมชาติ และตนเองก็พร้อมที่จะเรียนรู้และปรับตัวไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของลูก