ภาคการผลิตยานยนต์ในประเทศไทยเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจำนวนรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การวิเคราะห์เบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าตลาดส่งออกและการขายภายในประเทศได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและกฎระเบียบระหว่างประเทศ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการผลิตรถยนต์รวม 129,909 คัน ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากการชะลอตัวของการส่งออกรถยนต์นั่งที่ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง และรถกระบะที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตเชิงลบ
แม้ภาพรวมจะไม่สดใส แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากลับกลายเป็นแสงสว่างในสถานการณ์นี้ เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น BEV (รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่) และ PHEV (รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด) ได้รับการตอบรับที่ดีในตลาดภายในประเทศ การขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่หันไปใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ การสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องยังช่วยกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ แม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่เอื้ออำนวย
ความท้าทายด้านการส่งออกยังคงอยู่ โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่เริ่มหันไปสนใจรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดจากประเทศจีน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะในกลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่ที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น การปรับตัวอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมนี้สามารถฟื้นตัวและสร้างความมั่นคงในระยะยาวได้