‘หมอแอมป์-ตนุพล’ ชี้โลกร้อนขึ้น โรคมากขึ้น ปรับแค่ 5 พฤติกรรมสุขภาพดียั่งยืน

Oct 1, 2024 at 7:04 AM
Slide 2
Slide 1
Slide 2
Slide 1
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืนในปัจจุบัน เราต่างเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราและสิ่งแวดล้อมโดยรวม หมอแอมป์-ตนุพล วิรุฬหการุญ ได้เปรียบเทียบโลกของเราเหมือนกับตัวเรา โดยอุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นเสมือนกับอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเจ็บป่วยที่รุนแรงได้ หมอแอมป์จึงได้เสนอแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ยั่งยืน เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพของเราและโลกใบนี้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ สร้างโลกที่ยั่งยืน

อาหารจากพืช: ทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในปัจจุบัน มนุษย์เรามักเน้นการบริโภคโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เนื่องจากระบบอุตสาหกรรมอาหารปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึงประมาณ 1 ใน 4 ของโลก โดยเฉพาะจากการเลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัวและแกะ ที่ปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการย่อยอาหาร ในขณะที่การผลิตถั่วเหลืองก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 0.9 กิโลกรัมต่อกิโลกรัม เทียบกับ 60 กิโลกรัมต่อกิโลกรัมของเนื้อวัว ซึ่งแตกต่างกันถึง 60 เท่าหมอแอมป์จึงแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยเน้นการรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นส่วนประกอบ (Plant-based diet) มากขึ้น เช่น การเป็นมังสวิรัติ วีแกน หรือแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 50% ตามข้อตกลงในการประชุม COP26

การออกกำลังกายและการเดินทางแบบใช้แรงกาย: ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

การมีสุขภาพดีแบบยั่งยืนไม่ได้จำกัดเพียงแค่รูปแบบการกินอาหารเท่านั้น แต่รวมถึงกิจกรรมทางกายที่เกิดผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายในยิมแล้ว การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางในชีวิตประจำวัน อย่างการเดินเท้า วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือการเดินทางแบบใช้แรงกายตัวเองเป็นหลัก (Active Transportation) เป็นรูปแบบการเดินทางที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอน (Carbon-Free) และเพิ่มโอกาสในการออกกำลังกาย ช่วยสร้างเสริมสุขภาพในทุกช่วงอายุรายงานปี 2011 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Environment International พบว่าการเดินทางแบบใช้แรงกาย มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดประมาณ 11% รวมถึงลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็งบางชนิด

อากาศดี: ปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพที่ยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ส่งผลให้คุณภาพอากาศแย่ลง อากาศที่ไม่ดีนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการระคายเคืองที่ตา จมูกและคอ อาการไอ อาการภูมิแพ้ และยังส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการไม่สูบบุหรี่ การลดการบริโภคอาหารแปรรูป หรือหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ส่วนตัว มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของภาวะโลกร้อน และลดการสร้างฝุ่น PM2.5 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ ทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น ไม่เฉพาะแค่ตัวเรา แต่รวมไปถึงครอบครัวและผู้คนอื่น ๆ บนโลกอีกด้วย

การนอนหลับที่ดีและยั่งยืน: ความสมดุลระหว่างสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพและระยะเวลาไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคภัย ทำให้นํ้าหนักตัวเพิ่มขึ้น เสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง และเกิดปัญหาสุขภาพจิต นอกจากนี้ ในขณะตื่นนอน มนุษย์จำเป็นต้องอาศัยทรัพยากรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร พลังงานไฟฟ้า และเชื้อเพลิง ดังนั้น ยิ่งเรานอนหลับน้อยลงเท่าใด ก็ยิ่งเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้นการนอนหลับที่ดีและเพียงพอจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เราดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้น และในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพของเราและสิ่งแวดล้อม

กิจกรรมอาสา: สร้างความสุขและความยั่งยืน

สิ่งแวดล้อมรอบตัวส่งผลต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ของผู้คนเป็นอย่างมาก หากสิ่งแวดล้อมดี มลพิษน้อยจิตใจจะแจ่มใส ความเครียดลดน้อยลง สำหรับกิจกรรมจิตอาสา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมและยังสร้างความตระหนักรู้ นอกจากจะช่วยโลกแล้ว ยังสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนและส่งผลด้านบวกต่ออารมณ์ของเราดังนั้น การดูแลสุขภาพ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อคนที่เรารักและโลกใบนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ยั่งยืนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้เราและโลกของเราแข็งแรงไปด้วยกัน