คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ประกาศลงโทษทางเศรษฐกิจต่อผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลกจำนวน 15 ราย รวมทั้งโตโยต้าและสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป ด้วยมูลค่าค่าปรับรวมกว่า 458 ล้านยูโร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกลุ่มคาร์เทลที่ควบคุมธุรกิจรีไซเคิลรถยนต์ โดยพฤติกรรมของกลุ่มนี้ครอบคลุมระยะเวลาเกือบสองทศวรรษ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับวัสดุรีไซเคิลในรถยนต์ใหม่ ทำให้ตลาดขาดความเป็นธรรมและลดแรงกระตุ้นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2545 ซึ่งสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งยุโรป (ACEA) ได้จัดประชุมระหว่างผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันในการลดต้นทุนการรีไซเคิลรถยนต์เก่า โดยการไม่โฆษณาเกี่ยวกับปริมาณวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ในรถใหม่ ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเหล่านี้ยังตกลงที่จะไม่จ่ายเงินให้กับผู้ทำลายรถยนต์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกบริษัทที่ต้องเผชิญกับบทลงโทษ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่หลุดพ้นจากการถูกปรับ เนื่องจากเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการยุโรป ส่วนบริษัทอื่นๆ เช่น ฮอนด้า, นิสสัน, มิตซูบิชิ, โฟล์คสวาเกน และโตโยต้า ต่างยอมรับความผิดและถูกปรับเป็นจำนวนเงินแตกต่างกันไป โดยโฟล์คสวาเกนถูกปรับมากที่สุดที่ราว 128 ล้านยูโร
เทเรซา ริเบรา รองประธานบริหารที่ดูแลนโยบายการแข่งขันของ EC ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของสหภาพยุโรปที่จะปกป้องตลาดที่โปร่งใสและเสรี พร้อมสนับสนุนแนวทางที่ส่งเสริมการรับรู้ของผู้บริโภคและการพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มาตรการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของสหภาพยุโรปในการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางธุรกิจและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม โดยหวังว่าบทลงโทษนี้จะเป็นเครื่องเตือนสำหรับภาคอุตสาหกรรมในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด