สวิตเซอร์แลนด์และนอร์เวย์: เมืองแห่งความยั่งยืนและความสะอาด

ในยุคที่ความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก เราจะพาคุณไปสำรวจเมืองที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งเซอร์แมทในสวิตเซอร์แลนด์และออสโลในนอร์เวย์ ซึ่งได้ดำเนินมาตรการที่น่าสนใจและเป็นแบบอย่างให้กับเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก

เมืองแห่งความสะอาดและความโรแมนติก

เซอร์แมท: เมืองปลอดมลพิษแห่งสวิตเซอร์แลนด์

เซอร์แมทเป็นเมืองเล็ก ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ที่มีประชากรเพียง 5,700 คน แต่กลับเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักปีนเขาและคนรักการเล่นสกี เนื่องจากเมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์อันงดงาม และมีรีสอร์ทสุดหรูมากมายอย่างไรก็ตาม เซอร์แมทไม่ใช่เพียงแค่เมืองท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน การรีไซเคิลพลาสติกเพื่อนำมาทำถนน และการใช้รถบัสและรถแท็กซี่ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดมลพิษและรักษาความสะอาดของเมืองไว้ได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ เซอร์แมทยังมีกฎห้ามรถยนต์ส่วนตัวเข้าเมือง ทำให้บรรยากาศของเมืองปราศจากมลพิษควันและเสียง ผู้มาเยือนจะต้องจอดรถที่เมืองใกล้เคียงอย่าง แทช แล้วนั่งรถไฟเข้ามาในเมือง ซึ่งช่วยให้เมืองมีความสะอาดและเงียบสงบ เหมาะแก่การเดินเล่นชมวิวและสัมผัสบรรยากาศแห่งความโรแมนติก

ออสโลกับการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน

ออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ ได้ดำเนินมาตรการที่น่าสนใจเพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาออสโลได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ในใจกลางเมืองให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ และเปลี่ยนที่จอดรถในห้างสรรพสินค้าหรือตามพื้นที่ต่าง ๆ ให้เป็นที่จอดจักรยาน 100% เพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานและการเดินเท้าในเมือง นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเพิ่มเลนส์จักรยานและสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ผลจากมาตรการเหล่านี้ ทำให้ออสโลกลายเป็นเมืองที่ปราศจากมลพิษควันดำจากรถยนต์ มีสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นที่คึกคัก และเป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเมืองที่จะแบนรถยนต์สันดาปแบบ 100% ภายในปี 2030

อัมสเตอร์ดัม: เมืองแห่งจักรยานที่ยั่งยืน

อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ให้ความสำคัญกับการใช้จักรยานเป็นหลัก โดยมีเลนส์จักรยานกว่า 600 ไมล์ทั่วเมือง และมีมาตรการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้จักรยานเป็นอย่างดีแม้ว่าอัมสเตอร์ดัมจะยังไม่ได้แบนรถยนต์ 100% แต่ก็มีเพียง 1 ใน 4 ของประชากรเท่านั้นที่ยังใช้รถยนต์อยู่ ส่วนใหญ่จะเลือกใช้จักรยานหรือระบบขนส่งสาธารณะแทน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าใต้ดินที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีสามารถขึ้นฟรีความมุ่งมั่นของอัมสเตอร์ดัมในการเป็นเมืองที่ยั่งยืนยังคงดำเนินต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะแบนรถยนต์สันดาปแบบ 100% ภายในปี 2030 เพื่อให้เมืองปราศจากมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น