ไอซ์ฮอกกี้หญิงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชีย ด้วยการสนับสนุนจากสมเด็จพระราชินีสุทิดา

ลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (IIHF) ได้เชิญสมเด็จพระราชินีสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระราชินีแห่งประเทศไทย ให้เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง (Women's Global Ambassador) ซึ่งเป็นคนแรกของสหพันธ์ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญหลังจากการเปิดลานสเก็ตอย่างเป็นทางการที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและราชินีแห่งประเทศไทยทรงเป็นประธาน และในวันที่ 6 ตุลาคม 2567 สมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทยและจีนจะมีการแข่งขันกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อเป็นการเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งประเทศไทย และ สมเด็จพระราชินีสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระราชินีแห่งประเทศไทย จะทรงนำทัพนักกีฬาทีมชาติไทยลงแข่งขันด้วย

ไอซ์ฮอกกี้หญิงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชีย

การสนับสนุนจากสมเด็จพระราชินีสุทิดา

ลุค ทาร์ดิฟ ประธาน IIHF กล่าวว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สมเด็จพระราชินีสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระราชินีแห่งประเทศไทย ทรงตอบรับคำเชิญให้เป็นทูตระดับโลกของสตรี IIHF ด้วยความหลงใหลที่พระองค์ประทานแก่กีฬาของ IIHF พระองค์จะทรงสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และจะกลายเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาอีกจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

การเติบโตของไอซ์ฮอกกี้ในประเทศไทยและจีน

ลุค ทาร์ดิฟ ยังประทับใจกับการเติบโตของกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทั้งในประเทศไทยและจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดกีฬาไอซ์ฮอกกี้ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก IIHF ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย และสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งของจีน เพื่อเสริมสร้างพื้นฐานของฮอกกี้น้ำแข็งในแต่ละประเทศ ผ่านโปรแกรม Learn to Play และความคิดริเริ่มในการสรรหาบุคลากรที่สำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น การฝึกสอน การเป็นประธาน และประสิทธิภาพสูง ตลอดจนโปรแกรมการบริหารและกิจกรรมต่างๆ

บทบาทของสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย

IIHF ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทยก็มีความโดดเด่น โดยมีบทบาทเป็นผู้นำในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลก IIHF ทั้งห้ารายการในประเภทชาย หญิง และรุ่นเยาวชน ตัวอย่างของประเทศไทยยังสามารถกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆในเอเชีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ให้เป็นผู้นำในเขตของตนเอง