ศุภชลาศัย ต้อนรับทัพช้างศึกกลับสู่ถิ่นเก่า หลังห่างหายนาน 8 ปี

Oct 17, 2024 at 6:37 AM
Single Slide

ทีมชาติไทยกลับมาเตะที่สนามศุภชลาศัย หลังห่างหายไป 8 ปี

อดีตดาวยิงทีมชาติไทย "ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน" เปิดเผยถึงความสำเร็จของการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ที่จังหวัดสงขลา และเสนอให้ทีมชาติไทยกลับมาเตะที่สนามศุภชลาศัย ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ เดือนพฤศจิกายนนี้

ทีมชาติไทยกลับมาเตะที่สนามศุภชลาศัย หลังห่างหายไป 8 ปี

ความสำเร็จของการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50

ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน กล่าวว่า "ต้องชื่นชมจังหวัดสงขลา และแฟนบอลชาวใต้ทุกคน ที่เป็นเจ้าภาพงานนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ โดยเฉพาะประธานจัด สุพิศ พิทักษ์ธรรม ซึ่งเป็นแม่งานหลัก ทำให้บรรยากาศคิงส์คัพออกมายิ่งใหญ่ ไร้ที่ติ เป็นโมเดลตัวอย่างให้จังหวัดอื่น นำไปใช้จัดงานในปีต่อๆ ไป ได้เป็นอย่างดี"

ทีมชาติไทยมีโปรแกรมลงสนามอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน

ปิยะพงษ์ กล่าวต่อว่า "ส่วนเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ ในเดือนหน้า พ.ย. ซึ่ง ทีมชาติไทย มีโปรแกรมจะลงสนามอีกครั้ง ในระหว่างวันที่ 13-21 พ.ย. 2567 ความจริงสมาคมฯ อยากไปจัดในต่างจังหวัด โดยเฉพาะทางภาคเหนือที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ เพื่อช่วยเยียวยาน้ำท่วมใหญ่"

ความเป็นไปได้ที่ทีมชาติไทยจะกลับมาเตะที่สนามศุภชลาศัย

ปิยะพงษ์ กล่าวว่า "แต่มองภาพรวมของพื้นที่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูบ้านเมือง หลังประสบอุทกภัยแล้ว คงเป็นเรื่องลำบากบวกกับระยะเวลาของการเตรียมตัวที่ค่อนข้างกระชั้น ซึ่งมีโอกาสสูงที่สมาคมฯจะต้องจัดเตะในกรุงเทพมหานคร ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เหมือนเดิม"ปิยะพงษ์ กล่าวเสริมว่า "แต่ถ้าให้ถามความคิดส่วนตัว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากนำเสนอสมาคมฯ ให้เปลี่ยนมาจัดที่สนามศุภชลาศัยบ้าง ก็น่าจะได้บรรยากาศที่ดี เพราะนานแล้วที่ทีมชาติไทย ไม่ได้มาเตะสนามศุภฯ"

คู่แข่งของทีมชาติไทยในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์

ปิยะพงษ์ กล่าวว่า "ส่วนคู่แข่งถึงเวลานี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็น เลบานอน และ เยเมน เหมือนเดิม โดยวันจันทร์ที่ 21 ต.ค. นี้ จะมีการประชุมสภากรรมการ ซึ่งคงจะมีบทสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง"ปิยะพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "สำหรับทีมชาติไทย ลงเตะที่สนามศุภชลาศัยครั้งล่าสุด ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แพ้ ทีมชาติเกาหลีใต้ 0-1 วันที่ 27 มีนาคม 2559 ซึ่งหลังจากนั้นทัพช้างศึกก็ไม่เคยฟาดแข้ง ณ ศุภชลาศัย อีกเลย"