บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เผยถึงความสำเร็จในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า WULING Binguo EV ที่ผลิตภายในประเทศ โดยมีการปรับปรุงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น การชาร์จไฟที่สะดวกกว่าเดิม และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการรับประกันคุณภาพรถและการดูแลหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อยืนยันว่า WULING เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่แท้จริงสำหรับตลาดในประเทศไทย
ในช่วงเวลาแห่งนวัตกรรมทางพลังงานสะอาด บริษัท อีวี ไพรมัส ได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า WULING Binguo EV ที่ผลิตในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการพัฒนาตามความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มาพร้อมหัวชาร์จมาตรฐาน CCS2 ซึ่งสามารถใช้งานได้กับสถานีชาร์จสาธารณะทั่วประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องพกอะแดปเตอร์เพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มีระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 333 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังคงมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเพียง 399,000 บาท ซึ่งต่ำกว่ารถยนต์อีโคคาร์ทั่วไป ทำให้ WULING Binguo EV เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค
บริษัทได้ขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเติมอีก 10 แห่งในพื้นที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน SAIC-GM-Wuling (SGMW) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากจีน ได้สนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการตลาดในประเทศไทย
WULING Binguo EV ยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี่ยาวนานถึง 8 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการรับประกัน Passive Lifetime Warranty สำหรับมอเตอร์และระบบควบคุมตลอดอายุการใช้งาน
ด้วยความร่วมมือระหว่าง Gotion และ NV Gotion Co., Ltd. แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ได้รับการออกแบบและผลิตในประเทศไทย ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกในการเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อต้องการ
การพัฒนาดังกล่าวแสดงถึงความมุ่งมั่นของ WULING ในการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าให้กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย
จากการนำเสนอของ WULING Binguo EV ที่เน้นการเข้าถึงง่ายและคุณภาพสูง ทำให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ผู้บริโภคไม่เพียงแต่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังสามารถประหยัดต้นทุนในระยะยาวอีกด้วย การสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนยังช่วยสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศของเรา