บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำอย่าง Tesla กำลังเผชิญกับวิกฤตด้านภาพลักษณ์และยอดขายที่ลดลงในหลายตลาดทั่วโลก เหตุผลหลักมาจากบทบาทของ Elon Musk ในเวทีการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคว่ำบาตรและการประท้วงจากกลุ่มผู้บริโภค นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขา เช่น การปลดพนักงานรัฐบาลจำนวนมาก และการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อแบรนด์ อีกทั้งราคาหุ้น TSLA ก็ปรับตัวลดลงอย่างหนักในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทหลุดออกจากกลุ่ม Trillion Dollar Club แม้ว่าอนาคตด้าน AI และ Robotics จะยังคงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Tesla
การเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรงของ Elon Musk ได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวอเมริกันเป็นจำนวนมาก การกระทำของเขา เช่น การปลดพนักงานของรัฐบาลกลางแบบกะทันหันและการแสดงออกที่คล้ายสัญลักษณ์ทางการเมืองบางอย่าง กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำลายความเชื่อมั่นในแบรนด์ ผู้ใช้งานบางคนถึงกับรู้สึกอายที่จะขับรถ Tesla และเปลี่ยนไปสนับสนุนแบรนด์อื่นแทน
สถานการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Elon Musk มีบทบาทสำคัญในการดำเนินนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะการลดต้นทุนผ่านการปลดพนักงานจำนวนมาก สิ่งนี้นำไปสู่การประท้วงและการคว่ำบาตรในวงกว้าง ประชาชนหลายคนมองว่า Musk ละเลยความรับผิดชอบในฐานะผู้นำธุรกิจและเข้าแทรกแซงในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทของเขา นอกจากนี้ การแสดงออกทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกมือขวาในลักษณะคล้ายสัญลักษณ์นาซี ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
Tesla กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อยอดขายและราคาหุ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในตลาดยุโรปและออสเตรเลียที่ยอดขายลดลงมากกว่าครึ่ง ในขณะเดียวกัน ตลาดใหญ่ในสหรัฐฯ และจีนก็ประสบปัญหาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เช่น การขยายไปสู่เทคโนโลยี AI และ Robotaxi เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
รายงานล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการตกต่ำของยอดขายในหลายประเทศ โดยเฉพาะเยอรมนีที่ยอดขายลดลงไปถึง 76% ส่วนในสหรัฐฯ และจีนก็เผชิญกับความกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ราคาหุ้น TSLA ร่วงลงกว่า 35% ตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าราคาหุ้นอาจดูถูกในมุมมองของบางกลุ่มนักลงทุน แต่ Tesla ยังคงมีศักยภาพในด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การพัฒนา AI และระบบรถไร้คนขับ ซึ่งอาจเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์สำหรับบริษัทในอนาคต