กระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับใหม่ เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบเก่าที่ใช้มานานกว่า 10 ปี โดยเน้นการปลดล็อกข้อจำกัดและสนับสนุนศักยภาพของภาคภาพยนตร์ในประเทศ ส่งผลให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่างกฎหมายนี้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมในการปรับเปลี่ยนระบบการกำกับดูแลภาพยนตร์ผ่านร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดข้อจำกัดทางกฎหมายและเพิ่มโอกาสในการพัฒนา อีกทั้งยังเน้นการใช้มาตรการออนไลน์และการบริหารจัดการแบบสมัยใหม่
สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้รวมถึง การเปลี่ยนจากการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เป็นการรับรองตนเอง (Self-regulate rating system) ซึ่งจะช่วยลดภาระทางราชการ นอกจากนี้ยังมีการนำระบบการแจ้งแทนการขออนุญาตประกอบกิจการ พร้อมทั้งการกำหนดโทษปรับเป็นหลักแทนโทษทางอาญา ยกเว้นกรณีการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรที่ยังคงมีบทลงโทษทางอาญาหากฝ่าฝืน
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังได้จัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรม เช่น การสนับสนุนทางภาษีและการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ในแง่มุมของการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการเปิดโอกาสให้กลุ่มคนทั่วไปเข้ามามีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานความเหมาะสมของเนื้อหาภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีมาตรการเพิ่มเติมในการยับยั้งการกระทำผิดกฎหมายด้วยการใช้มาตรการทางปกครองและการปรับเป็นหลัก
สำหรับการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ลดข้อจำกัดที่เคยมีอยู่แต่เดิม โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำภาพยนตร์ในราชอาณาจักร
ขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคาดว่าจะมีการดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองตามมาเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้
จากมุมมองของผู้สื่อข่าว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในระดับนานาชาติ ซึ่งจะช่วยสร้างแรงผลักดันให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล