ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2568 รัฐบาลไทยได้อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรถโดยสารและรถบรรทุกไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมภาคขนส่งให้เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด การอนุมัตินี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทที่ลงทุนในประเภทยานพาหนะดังกล่าว

รายละเอียดมาตรการภาษีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

เมื่อไม่นานมานี้ ในบรรยากาศของการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกผ่านการอนุมัติมาตรการภาษีใหม่จากคณะรัฐมนตรี โดยมาตรการนี้ครอบคลุมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทที่ลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น รถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้า

ตามมาตรการดังกล่าว บริษัทสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า หากลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตหรือประกอบในประเทศ และหักได้ 1.5 เท่าหากนำเข้ายานยนต์ที่ผลิตสำเร็จรูปจากต่างประเทศ มาตรการนี้จะมีผลจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 นอกจากนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับยานยนต์ที่ต้องเป็นรถใหม่ ไม่เคยใช้งานมาก่อน และไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกฎหมายอื่น

การดำเนินการตามมาตรการนี้ บริษัทจำเป็นต้องจัดทำโครงการลงทุนและแผนการจ่ายเงินพร้อมรายละเอียดของยานยนต์ไฟฟ้าที่จะใช้งาน ส่งให้กรมสรรพากรพิจารณาภายในระยะเวลาที่กำหนด

จากมาตรการนี้ จะช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจให้มีการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการลดมลพิษทางอากาศและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน

มาตรการดังกล่าวสะท้อนถึงความพยายามของภาครัฐในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับภาคเอกชนที่ต้องการขยายการลงทุนในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า

แรงบันดาลใจและความคิดเห็น

การประกาศมาตรการภาษีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาด นอกจากนี้ยังช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนในการลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่ามาตรการนี้อาจมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด แต่มันเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ