การสร้างสรรค์ดีไซน์ภายนอกของ JAECOO 7 SHS เป็นการผสมผสานระหว่างความคมชัดและความคลาสสิกเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร กระจังหน้าที่ออกแบบมาให้มีความพรีเมียมช่วยเสริมความสง่างาม ขณะที่ไฟหน้า LED มอบความสว่างที่เพียงพอในทุกสภาพถนน ส่วนล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถ อีกทั้งหลังคาพาโนรามิกซันรูฟยังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
ดีไซเนอร์ได้ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อให้รถคันนี้ตอบสนองทั้งในแง่ของความสวยงามและการใช้งานจริง ทั้งนี้ยังมีการออกแบบที่คำนึงถึงแรงต้านอากาศ (Aerodynamics) เพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานและเพิ่มความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารของ JAECOO 7 SHS ได้รับการออกแบบให้สะดวกสบายและทันสมัยอย่างแท้จริง จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 14.8 นิ้วที่ติดตั้งบนคอนโซลกลางเป็นศูนย์กลางของการควบคุมทุกฟังก์ชัน นอกจากนี้ Head-Up Display (HUD) ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นข้อมูลสำคัญได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
ระบบเสียง SONY ที่มาพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่งไม่เพียงแค่สร้างประสบการณ์การฟังเพลงที่ยอดเยี่ยม แต่ยังรองรับ Karaoke สำหรับผู้ที่ต้องการความสนุกสนานระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Projector Screen และระบบกรองอากาศ N95 ที่ช่วยป้องกันฝุ่นละอองและเชื้อโรค ทำให้บรรยากาศภายในรถสะอาดและปลอดภัยเสมอ
JAECOO 7 SHS มาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ADAS จำนวน 19 ฟังก์ชัน ซึ่งครอบคลุมทุกด้านของการขับขี่ ตั้งแต่การช่วยเบรกฉุกเฉินไปจนถึงระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอด ทั้งนี้แบตเตอรี่ของรถยังได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบป้องกันรอบด้าน เช่น การปิดแหล่งจ่ายไฟภายในเวลาเพียง 0.002 วินาทีในกรณีที่เกิดการชน
การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้การเดินทางไม่ว่าจะระยะสั้นหรือยาวไกลกลายเป็นเรื่องที่ปลอดภัยและไร้กังวล
เครื่องยนต์ 1.5 TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งพัฒนาโดย Chery Automobile มอบกำลังสูงสุดถึง 347 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 525 นิวตัน-เมตร พร้อมประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมมากกว่า 21.28 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน NEDC ทำให้รถคันนี้สามารถเดินทางได้ไกลถึง 1,300 กิโลเมตร
ระบบ Super Electric Hybrid DHT System ช่วยให้การทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าไร้รอยต่อ ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น EV Mode ที่เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง HEV Mode ที่สมดุลระหว่างการใช้พลังงาน และ Sport Mode ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ