การตัดสินใจของกรมขนส่งที่จะยกเลิกการต่อทะเบียนสำหรับรถโดยสารคอกหมูในจังหวัดสุโขทัยกำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่ในวงการคมนาคมและวัฒนธรรมท้องถิ่น เอกลักษณ์อันโดดเด่นของรถสองแถวไม้ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 88 ปีอาจต้องจบลงในปี 2568 ผู้ประกอบการและประชาชนจำนวนมากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเดินทาง ส่วนเจ้าของรถบางคนมองหาทางออก เช่น การปรับเปลี่ยนรถเป็นธุรกิจใหม่ เช่น ร้านกาแฟ แต่ยังคงเสียใจกับการจากไปของประเพณีสำคัญแห่งนี้
การยกเลิกทะเบียนรถคอกหมูสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของผู้คนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ใช้รถเหล่านี้เป็นแหล่งรายได้หลัก อีกทั้งยังสร้างผลกระทบต่อผู้โดยสารที่เคยพึ่งพาบริการนี้ในการเดินทางประจำวัน
รถคอกหมูไม่เพียงแต่เป็นยานพาหนะธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัยมาตลอดหลายทศวรรษ การตัดสินใจของกรมขนส่งทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนถูก "ลอยแพ" จากอาชีพเดียวที่พวกเขารู้จักมาตลอดชีวิต เจ้าของรถบางรายที่อายุมากแล้วไม่มีทางเลือกในการซื้อยานพาหนะใหม่เนื่องจากต้นทุนสูง นอกจากนี้ การสิ้นสุดของรถคอกหมูยังกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็ก เช่น พ่อค้าแม่ค้าที่ใช้บริการนี้ในการขนส่งสินค้าไปยังตลาดในเมือง
รถคอกหมูมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การขนส่งของจังหวัดสุโขทัย โดยเริ่มต้นจากยานพาหนะแรกๆ ที่ถูกนำมาใช้งานเมื่อกว่า 80 ปีก่อน ภาพลักษณ์ของโครงไม้สักและดีไซน์คล้ายคอกหมูกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ยากจะลืมเลือน
เรื่องราวของรถคอกหมูเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2480 เมื่อ "แป๊ะเซี่ยงเชย แซ่โง้ว" เปิดบริการรับส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองสุโขทัยและอำเภอกงไกรลาศ ตัวรถที่มีโครงสร้างเป็นไม้สักและมีลักษณะคล้ายคอกหมูจึงได้รับสมญานามนี้จากชาวบ้าน ในช่วงเวลาต่อมา รถคอกหมูได้ขยายขอบเขตการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัด ทั้งยังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสุโขทัย ทำให้มันกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของจังหวัด แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยียานพาหนะที่ทันสมัยกว่า แต่ความทรงจำเกี่ยวกับรถคอกหมูยังคงอยู่ในใจของทั้งคนในพื้นที่และผู้มาเยือน