มาตรการภาษีหนังต่างชาติ 100% สั่นสะเทือนวงการภาพยนตร์โลก

May 5, 2025 at 2:16 PM

นโยบายใหม่จากสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีภาพยนตร์ที่ถ่ายทำนอกประเทศในอัตราสูงสุดอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้วงการบันเทิงทั่วโลก หลังจากรัฐบาลทรัมป์ประกาศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ว่า การผลิตภาพยนตร์ในต่างแดนกำลังคุกคามเศรษฐกิจของอเมริกา ประเด็นดังกล่าวได้สร้างแรงกระเพื่อมไปยังบริษัทชั้นนำอย่าง Netflix และ Disney ซึ่งหุ้นของพวกเขาร่วงลงทันทีในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีเสียงเตือนจากฝั่งอังกฤษว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ท้องถิ่นอาจเผชิญวิกฤตครั้งสำคัญหากมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาเปิดเผยแนวคิดเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีนำเข้าภาพยนตร์จากต่างชาติในอัตรา 100% โดยอ้างว่าเป็นมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ภายในประเทศ เขาเน้นย้ำว่าการย้ายฐานการถ่ายทำภาพยนตร์ไปยังประเทศอื่น เช่น สหราชอาณาจักร เป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ ทรัมป์จึงเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์และคณะผู้แทนการค้าเร่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว

ผลกระทบจากการประกาศนี้ได้ขยายไปยังหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์เพิ่งเริ่มฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด-19 ฟิลิปปา ชายด์ส หัวหน้าสหภาพแรงงานสายครีเอทีฟในอังกฤษระบุว่า มาตรการดังกล่าวอาจนำไปสู่การสูญเสียตำแหน่งงานจำนวนมากสำหรับแรงงานฟรีแลนซ์ในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าอุตสาหกรรมโทรทัศน์และภาพยนตร์ในอังกฤษอาจถูกทำลายทั้งระบบ หากไม่มีการตอบสนองจากทางการอังกฤษอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน บริษัทสตูดิโอใหญ่ในสหรัฐฯ ก็เริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับต้นทุนการผลิตและการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะเมื่อพบว่าการผลิตภาพยนตร์ในลอสแอนเจลิสลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นักวิเคราะห์หลายคนมองว่านโยบายภาษีใหม่อาจกลายเป็นดาบสองคม ที่ไม่เพียงแต่กระทบต่อประเทศคู่ค้า แต่ยังอาจสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมฮอลลีวูดเอง

สถานการณ์นี้ยังสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตของมาตรการภาษี เช่น จะครอบคลุมถึงซีรีส์หรือไม่? รวมถึงคำถามว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระภาษีเหล่านี้ ในท้ายที่สุด มาตรการดังกล่าวอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการภาพยนตร์ระดับโลก พร้อมทั้งสร้างความท้าทายให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

มาตรการภาษีภาพยนตร์ที่ถ่ายทำนอกสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมบันเทิงทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มาตรการนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง