ความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลให้อาคารสูงและโครงสร้างอื่นๆ มีร่องรอยชำรุด หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจึงได้ร่วมกันเสนอแนวทางในการบรรเทาผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการประกันภัยที่สามารถช่วยคืนความมั่นคงทางการเงินให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การตรวจสอบกรมธรรม์เพื่อดูว่าครอบคลุมภัยจากแผ่นดินไหวหรือไม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในกรณีที่มีความคุ้มครอง ควรแจ้งความเสียหายไปยังบริษัทประกันภัยโดยทันที

ภาคธุรกิจประกันภัยได้แสดงบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้เปิดเผยประเภทของกรมธรรม์ที่ครอบคลุมภัยแผ่นดินไหว เช่น กรมธรรม์รถยนต์ประเภท 1 ที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงแผนประกันทรัพย์สินที่สามารถขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้เอาประกันศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดของกรมธรรม์ให้รอบคอบ เพื่อให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังมีคำแนะนำสำหรับกระบวนการยื่นเคลมที่ครอบคลุมตั้งแต่การบันทึกหลักฐานจนถึงการเจรจาขอค่าสินไหมทดแทน

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการและภาคเอกชนยังเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูความเสียหาย กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบความเสียหายอาคาร เพื่อประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างโดยเฉพาะอาคารสาธารณะและสถานที่ชุมนุมคนจำนวนมาก พร้อมทั้งเผยแพร่คู่มือสำรวจความเสียหายเบื้องต้นสำหรับประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการเปิดสายด่วนเพื่อให้คำปรึกษาและรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องความปลอดภัยและความมั่นคงของชุมชน

การเตรียมความพร้อมและการวางแผนล่วงหน้าเป็นกุญแจสำคัญในการลดผลกระทบที่เกิดจากภัยธรรมชาติ การเข้าใจถึงความสำคัญของการทำประกันภัยและการใช้ประโยชน์จากบริการที่ภาครัฐและเอกชนมอบให้ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สินของเรา ความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดมาตรฐานใหม่ในการรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต