ในยุคที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผู้นำด้านโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิ เบอร์ดี้ ยำยำ คัพ แอลจี และ มายบาซิน จัดการแข่งขันดูหนังไทยมาราธอนที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ภายใต้ชื่อ "MAJOR TOLLYWOOD MOVIE MARATHON 2024" เพื่อตอบรับกระแสความนิยมหนังไทยที่กำลังเฟื่องฟู และสร้างความคึกคักให้กับวงการภาพยนตร์ไทย
ท้าทายความอึดของแฟนหนังไทยพันธุ์แท้
การแข่งขันดูหนังไทยมาราธอน 72 ชั่วโมง
การแข่งขันครั้งนี้เป็นการท้าทายความอึดของแฟนหนังไทยพันธุ์แท้ โดยผู้เข้าร่วมแข่งขันจะต้องดูภาพยนตร์ไทยจำนวน 33 เรื่อง ตลอด 72 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โรงที่ 13 (GLS) ซึ่งได้รับความสนใจจากคอหนังไทยเป็นอย่างมาก มีผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 572 คนภายในระยะเวลา 2 วัน นับเป็นสัญญาณที่ดีของวงการภาพยนตร์ไทย และสร้างความคึกคักให้กับโรงภาพยนตร์อย่างมากภาพยนตร์ไทยหลากหลายแนว
ภาพยนตร์ไทยที่คัดสรรมาให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันได้ชมนั้น มีความหลากหลายทั้งแนวตลก เศร้า ตื่นเต้น และสยองขวัญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความท้าทายและความสนุกสนานให้กับผู้เข้าร่วมแข่งขัน โดยภาพยนตร์เรื่องแรกที่ฉายเพื่อเปิดการแข่งขันคือ "สัปเหร่อ" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันรางวัลมูลค่ากว่า 346,000 บาท
ผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 200,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล เครื่องฟอกอากาศ LG Aero Tower และบัตรสมาชิก M PASS ฟรี 1 ปี นอกจากนี้ ยังมีรางวัลรองชนะเลิศอีก 4 รางวัล ได้แก่ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับต่างประเทศ 2 ที่นั่ง, ตั๋วเครื่องบินไป-กลับภายในประเทศ 2 ที่นั่ง, เครื่องฟอกอากาศ LG Aero Furniture และ LG PuiCare Hit รวมมูลค่ากว่า 146,300 บาท ซึ่งเป็นรางวัลที่น่าสนใจและคุ้มค่าสำหรับผู้ที่สามารถคว้าตำแหน่งคนพันธุ์อึดได้การเริ่มต้นการแข่งขัน
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมี นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ วรกานด์ รอดบุญส่ง ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ กาแฟ พร้อมดื่มเบอร์ดี้ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ร่วมกันปล่อยสัญญาณเริ่มการแข่งขัน โดยภาพยนตร์เรื่องแรกที่ฉายเพื่อเปิดการแข่งขันคือ "สัปเหร่อ"ดังนั้น การแข่งขันครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับแฟนหนังไทยพันธุ์แท้ที่จะได้แสดงความอึดของตนเอง และมีโอกาสคว้ารางวัลมูลค่ากว่า 346,000 บาท ไปครอบครอง ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการภาพยนตร์ไทยต่อไป