ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นมากกว่าแค่ภาพถ่ายบนจอ มันคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของการเสียสละและการมุ่งมั่น เพื่อสร้างผลงานที่สามารถส่งต่อไปยังหลายชั่วอายุคน
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดของผู้กำกับ Nguyen Hong Sen ที่ต้องการเล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวนาที่อาศัยอยู่ในเขตด่งท้าปมัว ซึ่งเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากภัยระเบิด การเลือกใช้สถานที่จริงทำให้ภาพยนตร์มีความสมจริงและสร้างความประทับใจแก่ผู้ชม
ฉากหลักของภาพยนตร์นี้แสดงถึงความใกล้ชิดระหว่างแม่น้ำและธรรมชาติที่ทั้งสวยงามและอันตราย ในขณะเดียวกัน ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์
ศิลปินชาวบ้าน Lam Toi และ Thuy An ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามสำหรับการแสดงของพวกเขา Lam Toi รับบทบาทเป็นสามีที่มีหน้าที่ติดตามเครื่องบินอเมริกัน ในขณะที่ Thuy An แสดงบทบาทของภรรยาที่ต้องดูแลครอบครัวและปกป้องจิตวิญญาณของนักสู้
การใส่รายละเอียดเล็กๆ เช่น การนำลูกน้อยใส่ในถุงไนลอนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากระเบิด กลายเป็นฉากที่ตราตรึงใจผู้ชมและสะท้อนถึงความกล้าหาญและความเสียสละของตัวละคร
การทำงานของทีมงานภาพยนตร์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความมุ่งมั่นและความยากลำบากในการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีมงานต้องทนต่อสภาพอากาศที่เลวร้ายและอาหารที่ขาดแคลน แต่พวกเขายังคงทำงานด้วยความตั้งใจและความภาคภูมิใจ
ผู้กำกับภาพ Bang Phong เล่าว่าการถ่ายทำฉากสำคัญบางฉากจำเป็นต้องวางแผนอย่างละเอียด เนื่องจากมีอุปกรณ์จำกัด เช่น การใช้กล้องเพียงตัวเดียว นอกจากนี้ การถ่ายทำในสถานที่จริงยังทำให้ทีมงานต้องเผชิญกับน้ำท่วมนานถึงสามเดือน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์เวียดนาม โดยได้รับรางวัล Golden Lotus และเหรียญทองจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมอสโก
ดร. Ngo Phuong Lan ประธานสมาคมส่งเสริมและพัฒนาภาพยนตร์เวียดนาม ชื่นชมผลงานของทีมงานและระบุว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของความสำเร็จที่เกิดจากการเสียสละและความตั้งใจของผู้สร้าง