สถานการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ผลจากการประเมินข้อมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พบว่ามีการปรับลดลงของจำนวนการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะยอดผลิตรถยนต์รวมที่อยู่ที่ประมาณ 115,400 คัน ซึ่งลดลงเกือบ 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การผลิตรถกระบะเองก็ลดลงเช่นกัน โดยมีปัจจัยหลักมาจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ยอดขายภายในประเทศลดลงถึง 6.7% ในขณะที่ยอดจองรถใหม่อาจได้รับการกระตุ้นในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่กำลังจะเริ่มต้นในเดือนเมษายน
มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด รัฐบาลได้ประกาศโครงการ "รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ" ผ่านบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย) เพื่อช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ต้องการซื้อรถกระบะสำหรับประกอบอาชีพ โดยมีวงเงินสนับสนุนรวม 5 พันล้านบาท และเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเช่าซื้อรถยนต์เข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งคาดว่าจะสร้างแรงหนุนสำคัญให้กับยอดขายรถกระบะในระยะถัดไป
แม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่ดี แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลต่อคำสั่งซื้อจากคู่ค้าสำคัญ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการควบคุมการปล่อยมลพิษในตลาดโลก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนจากภาครัฐและการปรับตัวของภาคเอกชนสามารถช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการส่งออก