ฟื้นตัวแข็งแกร่ง! ภาพยนตร์ฮอลลีวูดกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง

Oct 17, 2024 at 7:55 AM
Slide 2
Slide 1
Slide 2
Slide 1

ภาพยนตร์ฮอลลีวูดกลับมาแรง! MAJOR ฟื้นตัวแข็งแกร่งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567

บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เผชิญความท้าทายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 จากรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 จากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด 2" และภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องอื่นๆ ที่กำลังจะเข้าฉาย

ภาพยนตร์ฮอลลีวูดกลับมาแรง ช่วยหนุนผลประกอบการของ MAJOR

ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567

MAJOR ประสบความท้าทายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 จากรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยรายได้ในไตรมาสนี้คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (-5% YoY และ -19% QoQ) เนื่องจากมีภาพยนตร์จากค่าย Hollywood จำนวนน้อยลงและเป็นช่วง low season ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใน 3Q67F น่าจะเพิ่ม YoY อยู่ที่ 34.4% (+5.4 ppts YoY) จากการต่อรองค่าเช่าและต้นทุนสาธารณูปโภคต่างๆ ลดลง แต่ลดลงจาก 35.6% ใน 2Q67 เป็นผลจากรายได้ที่ชะลอลง ทางด้านสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย เราคาดเพิ่มขึ้น YoY อยู่ที่ 32.5% ใน 3Q67F (+3.6 ppts YoY) จากการรับรู้กำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมใน 3Q66 (เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว) และต้นทุนค่าพนักงานสูงขึ้น โดยสูงขึ้น 4.1 ppts QoQ ท่ามกลางรายได้ชะลอตัวอย่างไรก็ตาม MAJOR คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 จากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด 2" ซึ่งกวาดรายได้สูงสุดในสัปดาห์แรกอยู่ที่ 350 ล้านบาท (เทียบกับรายได้รวมเกิน 400 ล้านบาททั่วประเทศในการเข้าฉายรอบแรก) ทำให้ช่วยหนุนรายได้จากโรงภาพยนตร์และธุรกิจสื่อภาพยนตร์ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์หลายเรื่องที่กำลังรอเข้าฉาย เช่น "เวน่อม: มหาศึกอสูรอหังการ", "วัยเป้ง นักเลงขาสั้น 2" และ "วัยหนุ่ม 2544" คาดจะช่วยดันรายได้และGPM อย่างมีนัยสำคัญ

แนวโน้มผลประกอบการในปี 2568

แม้ว่ากำไรสุทธิใน 9M67F จะคิดเป็นเพียง 54% จากประมาณการกำไรเต็มปี 2567 ของเรา แต่เรายังคงยืนยันประมาณการกำไรปี 2567F ไว้เช่นเดิม เนื่องจากเราคาดกำไรฟื้นตัวแข็งแกร่ง QoQ ใน 4Q67F โดยที่ catalyst หลักช่วยหนุนจากภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด 2" และภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องอื่นๆ ที่กำลังจะเข้าฉายในปี 2568 เรายังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มของ MAJOR โดยคาดกำไรที่ 983 ล้านบาท (+26% YoY) จากหนังเด็ดโด่งดังของค่าย Hollywood หลายเรื่องที่กลับมาฉายทำให้มีผู้เข้าชมในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นและสามารถปรับราคาตั๋วหนังขึ้นได้

ประเมินมูลค่าหุ้น MAJOR

เรายังคงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 782 ล้านบาทและมุมมองบวกต่อแนวโน้มปี 2568 โดยคาดกำไรที่ 983 ล้านบาท (+26% YoY) จากหนังเด็ดโด่งดังของค่าย Hollywood หลายเรื่องที่กลับมาฉายทำให้มีผู้เข้าชมในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นและสามารถปรับราคาตั๋วหนังขึ้นได้ ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น MAJOR ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 17.80 บาท (ค่าเฉลี่ย PE ในอดีตที่ 15x)

ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม

ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ รายได้จากโรงภาพยนตร์ที่อาจต่ำกว่าที่คาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ MAJOR