บริษัท Ford Motor ได้ประกาศหยุดส่งออกรถ SUV, รถกระบะ และรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ไปยังตลาดประเทศจีน เนื่องจากต้องเผชิญกับมาตรการภาษีตอบโต้สูงถึง 150% โดยการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การกระทำดังกล่าวส่งผลให้รถยนต์หลายรุ่น เช่น F-150 Raptor, Mustang และ Lincoln Navigator หยุดการส่งออกแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะยังคงดำเนินการส่งออกเครื่องยนต์และระบบเกียร์ไปยังจีน
ในฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยความท้าทายทางเศรษฐกิจ บริษัท Ford Motor ได้ตัดสินใจยุติการส่งออกรถยนต์หลากหลายรุ่นไปยังประเทศจีน โดยเป็นผลมาจากมาตรการภาษีตอบโต้ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 150% ตามรายงานของ Wall Street Journal การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความลำบากของผู้ผลิตรถยนต์ในการปรับตัวต่อวิกฤตทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ
การส่งออกรถยนต์ทั้งคันที่มีแหล่งกำเนิดจากโรงงานในสหรัฐฯ เช่น มิชิแกนและเคนทักกี ได้ถูกยุติลงในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตาม Ford ยังคงดำเนินการส่งออกเครื่องยนต์และระบบเกียร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ไปยังจีน นอกจากนี้ รถยนต์บางรุ่น เช่น Lincoln Nautilus ที่ผลิตในจีนยังคงสามารถขายได้ตามปกติ แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคทางภาษีนำเข้าที่สูง
Ford มีโรงงานผลิตหลายแห่งในประเทศจีนผ่านการร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น เช่น Changan Automobile และ Jiangling Motors Corporation (JMC) ซึ่งครอบคลุมเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่น ฉงชิ่ง, หางโจว และฮาร์บิน ที่ผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่นสำหรับตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ Ford ยังคงพึ่งพาโรงงานในเม็กซิโกสำหรับการผลิตและนำเข้ารถยนต์หลายรุ่น เช่น Ford Bronco Sport และ Ford Maverick รวมถึงชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการประกอบในสหรัฐฯ
ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีอาจเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการ "ปรับเปลี่ยน" หรือ "ยกเว้นบางส่วน" ของภาษีเหล่านี้
การยุติการส่งออกรถยนต์ไปยังจีนโดยฟอร์ดนั้นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผลกระทบจากสงครามภาษีระหว่างประเทศ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทระดับโลกต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ เราควรตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความสมดุลระหว่างนโยบายการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและลดผลกระทบที่เกิดกับผู้บริโภค