ศึกมวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลกสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 400 ล้านบาทการจัดการแข่งขันมวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลก "อิฟม่า ยูธ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2024" ที่ผ่านมา นับเป็นความสำเร็จอย่างมากของประเทศไทย ทั้งในด้านการจัดการแข่งขันที่ได้มาตรฐานระดับโลก และการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลในการผลักดันกีฬามวยไทยไปสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศได้เป็นอย่างดี

มวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลก สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 400 ล้านบาท

การจัดการแข่งขันระดับมาตรฐานโลก

การจัดการแข่งขันมวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลก "อิฟม่า ยูธ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2024" ที่ผ่านมา ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันให้เทียบเท่ากับระดับโลกอย่างแท้จริง โดยมีสนามแข่งขันที่พารากอน ฮอลล์ ซึ่งมีความสวยงามและทันสมัย มีถึง 4 เวที พร้อมด้วยห้อง VIP ห้องพักผู้ตัดสิน และห้องสื่อมวลชน ซึ่งแบ่งสัดส่วนโซนผู้ชมและโซนนักกีฬาได้อย่างเป็นระบบ ตามมาตรฐานสากล ทำให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกชาติต่างชื่นชมว่าประเทศไทยจัดการแข่งขันได้อย่างไร้ที่ติ และสร้างความประทับใจให้กับทุกคน

ผลงานของนักกีฬามวยไทยเยาวชนไทย

ทีมนักกีฬามวยไทยเยาวชนไทยส่งเข้าร่วมแข่งขัน 26 คน แบ่งเป็นชาย 13 คน หญิง 13 คน ซึ่งสามารถคว้ารางวัลมาได้อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยคว้า 8 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน และ 8 เหรียญทองแดง รวมเป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด 108 ชาติ ซึ่งเป็นผลงานที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยทีมมวยไทยของประเทศยูเครนคว้าอันดับ 1 ด้วยการคว้า 8 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมคาซัคสถาน ที่คว้า 7 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 16 เหรียญทองแดง

การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

จากการเก็บข้อมูลโดยทีมนักวิจัยจากวิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยรังสิต พบว่า การจัดการแข่งขันมวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยไม่น้อยกว่า 416 ล้านบาท โดยนักกีฬาต่างชาติเดินทางมาไทยก่อนการแข่งขัน และเลือกไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ไทเกอร์มวยไทย จังหวัดภูเก็ต มากที่สุด คิดเป็น 32% รองลงมาคือ ละไมมวยยิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี 26.8% และค่ายมวยไทยแฟร์เท็กซ์ 23.2% นอกจากนี้ นักกีฬายังมีการจับจ่ายใช้สอยในด้านต่างๆ เช่น การซื้ออุปกรณ์มวยไทย สตรีทฟู้ด และการช็อปปิ้ง ซึ่งส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในประเทศไทยเป็นอย่างมาก

การสนับสนุนจากภาครัฐ

การจัดการแข่งขันมวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเป็นอย่างดี โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และได้รับเกียรติจาก ดร.สุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนให้กีฬามวยไทยไปบรรจุแข่งขันในกีฬาทหารโลก ครั้งที่ 8 ในปี 2027 นอกจากนี้ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธาน IFMA ยังให้การชื่นชมว่า การจัดการแข่งขันในครั้งนี้มีมาตรฐานที่ยอดเยี่ยม และมีประชาชนเดินทางเข้ามาชมมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นภาคส่วนการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

การผลักดันกีฬามวยไทยสู่ซอฟต์พาวเวอร์

การจัดการแข่งขันมวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ ถือเป็นการตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลไทยในการผลักดัน "กีฬามวยไทย" ไปสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศได้เป็นอย่างดี โดยมีการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยกว่า 400 ล้านบาท และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันให้เทียบเท่ากับระดับโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี