การจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 33 ในปี 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวโลก เนื่องจากเป็นการกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้งในรอบ 100 ปี และยังมีความพิเศษอีกประการหนึ่ง นั่นคือการตั้งเป้าหมายสู่การเป็น "โอลิมปิกที่ยั่งยืน" ภายใต้แนวคิด Less, better and for longer
โอลิมปิกที่ยั่งยืนที่สุดในโลก
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50%
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee: IOC) มีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) ลง 50% เมื่อเทียบกับการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งมีค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซคาร์บอน 3.5 ล้านตัน ดังนั้น ปารีสโอลิมปิก 2024 จะจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้อยู่ที่ประมาณ 1.75 ล้านตันเท่านั้น ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ได้วางแผนครอบคลุมตั้งแต่การก่อสร้าง การใช้พลังงาน ระบบขนส่ง อาหาร และการจัดซื้อจัดจ้าง โดยอาศัยทั้งนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดด้านความยั่งยืนของทีมผู้จัดงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็น "โอลิมปิกที่ยั่งยืน"ใช้สถานที่เดิมมากกว่า 95%
หนึ่งในแผนงานที่น่าทึ่งของปารีสโอลิมปิก 2024 คือการใช้สถานที่เดิมที่มีอยู่แล้วมากกว่า 95% เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเพียง 5% ของโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้แก่หมู่บ้านนักกีฬาและศูนย์กีฬาทางน้ำ ที่จะใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ทำให้ลดการก่อสร้างลงมหาศาลเมื่อเทียบกับครั้งก่อนตัวอย่างเช่น ศูนย์กีฬาทางน้ำ Seine-Saint-Denis ที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาขนาด 4,680 ตารางเมตร และที่นั่งทั้งหมดในศูนย์กีฬาทำจากขยะพลาสติกที่รีไซเคิลในชุมชน อีกทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการแข่งขันกว่า 90% จะถูก Reuse กลับมาใช้ใหม่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
หัวใจสำคัญของโอลิมปิกที่ยั่งยืนครั้งนี้ คือการวางแผนจะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ตลอดจนจบทัวร์นาเมนต์ ซึ่งจะมาจากแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาสนามกีฬา รวมทั้งพลังงานลมของกังหันลมบนชายฝั่งนอร์มังดี ขณะเดียวกันจะยกเลิกการใช้เครื่องปั่นไฟดีเซลที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับการแข่งขันกีฬาใหญ่ ๆ โดยเปลี่ยนมาใช้แผงโซลาร์เซลล์แทนลดการปล่อยคาร์บอนจากอาหาร
ในแง่ของอาหารที่มีความท้าทายในเรื่อง Food Waste เพราะตลอดการแข่งขันโอลิมปิก จำเป็นต้องส่งมอบอาหารให้นักกีฬาถึง 13 ล้านเสิร์ฟ อย่างไรก็ดี อาหารกว่า 80% จะปรุงจากวัตถุดิบธรรมชาติตามฤดูกาลในท้องถิ่นทั่วฝรั่งเศส และส่วนผสมอาหาร 25% ต้องมาจากพื้นที่ไม่ไกลเกิน 250 กิโลเมตรจากปารีส เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในการขนส่ง นอกจากนี้ เศษอาหารทั้งหมดจะไม่เหลือเป็นขยะ แต่จะถูกนำกลับเข้าระบบไปใช้ต่อ อาทิ การแจกจ่ายในชุมชน หรือนำไปแปรรูปเป็นปุ๋ยหมักส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
ด้านระบบการขนส่ง ทางผู้จัดงานได้ขยายเลนจักรยานใหม่กว่า 400 กิโลเมตร และส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์จากระบบขนส่งสาธารณะที่มีอยู่เดิม จากการออกแบบให้สถานที่จัดการแข่งขัน 80% ตั้งอยู่ภายใน 10 กิโลเมตรจากหมู่บ้านนักกีฬา และพื้นที่ทั้งหมดสามารถเข้าถึงขนส่งสาธารณะ ทั้งรถบัส และรถไฟฟ้าต่อยอดสู่โมเดลการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
แนวทางต่าง ๆ ของปารีสโอลิมปิก 2024 ไม่ได้มองแค่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน แต่คำนึงถึงประโยชน์ที่คนในชุมชนและมหานครปารีสจะได้รับในอนาคตด้วย ยกตัวอย่างชัดเจนเลยคือ "หมู่บ้านนักกีฬา" ที่ออกแบบให้เป็นย่านชุมชนแห่งใหม่ พร้อมด้วยสาธารณูปโภค มีพื้นที่สาธารณะ ย่านการค้า สำนักงานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของคนรุ่นใหม่ และสถาบันการศึกษา ทำให้การแข่งขันกีฬาสามารถผสมผสามระหว่างความเป็นชุมชนและพื้นที่เมืองเข้าด้วยกันอย่างยั่งยืนนอกจากนี้ หลังสิ้นสุดการแข่งขัน ทางผู้จัดงานมีแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชม โดยวางแผนปลูกต้นไม้ใหม่ 300,000 ต้น และทำความสะอาดแม่น้ำแซนเพื่อให้ปารีสใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะคงอยู่ต่อไปอีกนานแม้ปารีสโอลิมปิก 2024 รูดม่านปิดฉากลงแล้วก็ตาม